พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เผยเตรียมรวบรวมข้อมูลเพื่อแสดงให้คนไทยเห็นว่า หากรัฐบาลยังยืนยันที่จะผลักดันร่างบันทึกการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(JBC) ทั้ง 3 ฉบับให้ที่ประชุมรัฐสภารับรองต่อไปจะส่งผลให้ประเทศไทยต้องสูญเสียดินแดนเพิ่มเติมอีก 1.8 ล้านไร่ ในพื้นที่ 7 จังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่ จ.อุบลราชธานี ไปจนถึง จ.ตราด เฉลี่ยแล้วแต่ละจังหวัดจะเสียดินแดนไปกว่า 2 แสนไร่
"จะเริ่มนำเสนอให้คนไทยได้ทราบว่าที่ดินส่วนใดบ้างที่จะสูญเสียไป เพราะกัมพูชาไม่หยุดอยู่แค่พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร หรือ 2.8 พันไร่ รอบปราสาทพระวิหารเท่านั้น ต้องการรุกรานไทยตลอดแนวชายแดน" พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง ยังกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ไม่มีการพูดถึงปัญหาชายแดนว่า การสูญเสียดินแดนถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด แต่นักการเมืองกลับไม่เห็นความสำคัญ แม้กระทั่งในที่ประชุมสภาฯ ก็ไม่มีการพูดถึงเท่าที่ควร เพราะฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างมีแผลที่มีส่วนทำให้สูญเสียดินแดนเหมือนกัน
"วันนี้เราได้สูญเสียดินแดนไปแล้ว แต่ผมขอยืนยันว่าคนไทยผู้รักชาติรักแผ่นดินอย่าเพิ่งท้อ เนื่องจากยังมีความหวังเรียกคืนมาได้ หากรัฐบาลทำตาม 3 ข้อเรียกร้องที่เราได้เสนอไป" พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า มีอดีตนายทหารหญิงยศพันเอกคนหนึ่งมาเสนอกับตนเองว่าทันทีที่รัฐบาลสลายการชุมนุม ขอให้เรียกผู้บริจาคเงินคนละ 1 บาทให้รัฐบาลสมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัตน์ ใช้ต่อสู้คดีเขาพระวิหารเมื่อปี 2505 ออกมารวมแสดงพลังกับผู้ชุมนุมตรงนี้ด้วย เพราะทราบว่าคนเหล่านั้นมีความโกรธแค้นรัฐบาลไทยมากที่กำลังจะซ้ำรอยกรณีสูญเสียปราสาทพระวิหาร
ส่วนการช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ นั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยจะตั้งทีมงานเพื่อดำเนินการช่วยเหลือคนไทยทั้ง 2 คน แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็พบว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้ เนื่องจากขาดเครื่องมือหรืออำนาจต่อรองในเวทีระหว่างประเทศ ดังนั้นจึงเห็นว่าควรเป็นหน้าที่ของรัฐบาล แต่ที่ผ่านรัฐบาลกลับไม่มีความพยายามเท่าที่ควรทั้งที่มีช่องทางมากมาย
"ขอตั้งข้อสังเกตว่ารัฐบาลไทยและกัมพูชาสมคบกันเพราะไม่ต้องการให้นายวีระกลับประเทศไทยได้ เนื่องจากเกรงว่าจะออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงในสิ่งที่ตัวเองในเผชิญตลอดเวลาที่ถูกจับกุมอยู่ในกัมพูชา ทำให้ผู้มีอำนาจเสียประโยชน์ได้" พล.ต.จำลอง กล่าว
ขณะที่นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันฯ กล่าวว่า ความคืบหน้าในการช่วยเหลือคนไทยทั้ง 2 คนนั้นเป็นเรื่องไม่น่าที่จะให้อภัยรัฐบาล หลังนายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ออกมายอมรับว่า 2 คนไทยยังไม่ได้ลงนามในหนังสือเพื่อขอถอนคำอุทธรณ์ และขอพระราชทานอภัยโทษ เพราะทางการกัมพูชาไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยเข้าพบคนไทยทั้ง 2 คน
หากย้อนกลับไปดูจะพบว่ากระทรวงการต่างประเทศโดยนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการ รมว.ต่างประเทศ ออกมาระบุเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ว่า คนไทยทั้ง 2 คนได้ลงนามในหนังสือขออภัยโทษไปแล้ว รวมทั้งนายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ก็ออกมาระบุในทำนองเดียวกันเมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งแสดงว่ารัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ และคนใกล้ชิดนายกฯ มีพฤติกรรมต้องการให้ประชาชนชาวไทยและญาติของนายวีระเข้าใจผิด โฆษกคณะกรรมการป้องกันฯ กล่าวว่า รัฐบาลควรจะแสดงความรับผิดชอบ แต่วันนี้รัฐบาลทำตัวแบบคนหูทวนลม มีอคติต่อประชาชนไทยผู้รักชาติ ไม่ฟังเสียงประชาชน หากรัฐบาลยังอยู่ในจุดยืนนี้ วันหนึ่งประชาชนทั้งประเทศจะทนไม่ได้ ซึ่งก็ไม่อาจคาดได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น เพราะทุกวันนี้พี่น้องประชาชนไทยมีความอึดอัดคับแค้นใจต่อการทำหน้าที่ของรัฐบาล แม้แต่ข้อเสนอการขอโอนย้ายผู้ต้องโทษจากัมพูชาที่มีสนธิสัญญากันอยู่ก็ไม่ทำ ทั้งที่เป็นช่องทางที่ประนีประนอมที่สุดแล้ว รัฐบาลยังไม่เดินหน้าใดๆเลย ขณะที่ญาติของทั้ง 2 คนได้แจ้งความประสงค์ให้ต่อรัฐบาลไปแล้ว
ส่วนการยื่นหนังสือคัดค้านไม่ให้สมาชิกรัฐสภารับรองร่างบันทึกการประชุมกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(JBC)ทั้ง 3 ฉบับ ในสัปดาห์หน้า เพราะเป็นเรื่องร้ายแรงที่จะทำให้ประเทศชาติต้องเสียหายอย่างใหญ่หลวง เท่ากับเป็นการยอมรับการสูญเสียดินแดนอธิปไตยอย่างเป็นทางการ ซึ่งยากที่จะโต้แย้งในเวทีระหว่างประเทศได้ หากมีการเปลี่ยนรัฐบาลก็ยากที่จะเรียกร้องดินแดนคืนมา ดังนั้นการชุมนุมจึงต้องยืนหยัดต่อไป แม้ว่ารัฐบาลจะหามาตรการมากลั่นแกล้งพวกเราอย่างไรก็ตามจนกว่าปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข
"จะมีการกำหนดมาตรการเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ร่างทั้ง 3 ฉบับได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาไทย โดยในส่วนการดำเนินคดีก็จะเป็นไปตามขั้นตอน หากมีการพิจารณาเห็นชอบบันทึกทั้ง 3 ฉบับของรัฐสภา" นายประพันธ์ กล่าว