นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมคณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร(กอ.รมน.)ว่า เป็นการยืนยันในโครงสร้างและแนวทางการปฏิบัติในการดูแลรักษาความปลอดภัยตาม พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ที่ได้ขยายระยะเวลาออกไปอีก 30 วันจนถึงวันที่ 24 เม.ย.54 ในพื้นที่ 7 เขตของกรุงเทพฯ จากเดิมที่จะสิ้นสุดในวันที่ 25 มี.ค.นี้
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่มีข่าวว่าจะเดินทางมาชุมนุมหน้ารัฐสภาในวันที่ 25 มี.ค. เพื่อคัดค้านการพิจารณารับรองผลการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมชายแดนไทย-กัมพูชา(เจบีซี) ที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ นั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ มีสิทธิที่จะชุมนุมได้ การพิจารณาของสภาฯ ในวันที่ 25 มี.ค.เป็นเพียงแค่การพิจารณากลไกตามกรอบเจบีซีให้เดินหน้าต่อไปได้ และรัฐบาลยังคำนึงถึงข้อห่วงใยของกลุ่มพันธมิตรฯ
ส่วนจะมีการจัดหาสถานที่อื่นไว้สำรองหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี เชื่อว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคงจะสามารถดูแลและควบคุมสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้
ด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย(ศอ.รส.) กล่าวถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัย หลังแกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ จะเคลื่อนมาชุมนุมหน้าอาคารรัฐสภาในวันที่ 25 มี.ค.ว่า ศอ.รส.จะไม่อนุญาตให้กลุ่มผู้ชุมนุมเข้ามาในพื้นที่โดยรอบอาคารรัฐสภา ยกเว้นจะส่งตัวแทนเข้ามายื่นหนังสือ โดยจะมีการประสานไปยังแกนนำเพื่อขอความร่วมมือในจุดนี้
ทั้งนี้ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จัดกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ขณะเดียวกันเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่จะสนับสนุนและต้องการให้สถานการณ์บ้านเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อเข้าสู่บรรยากาศการเลือกตั้ง
ผบ.ตร. ยังได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สืบสวนหาข่าวผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ในช่วงของการเลือกตั้ง ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่บางพื้นที่จะมีการแข่งขันสูง พร้อมเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่บรรยากาศการเลือกตั้งจะทำให้สถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองคลี่คลายลง นอกจากนี้ ผบ.ตร.ยังเตรียมคาดโทษทางวินัยกับตำรวจที่เอื้อประโยชน์ให้กับนักการเมืองในการเลือกตั้งด้วย