ผลสำรวจความคิดเห็นที่เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ ดิอาริโอ อีโคโนมีโค ฉบับวันศุกร์ รายงานว่า เปโดร ปาสซูส คูเอโญ จากพรรคสังคมประชาธิปไตย (PSD) ซึ่งเป็นพรรคแนวนโยบายแบบขวากลาง มีแนวโน้มว่าจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีโปรตุเกสคนใหม่
ผลสำรวจซึ่งถือเป็นครั้งแรกแพร่นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรี โชเซ่ โซเครติส ประกาศลาออกจากตำแหน่งหลังจากที่รัฐสภาปฏิเสธแผนรัดเข็มขัดของเขาเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ระบุว่า พรรคพีเอสดีจะได้รับคะแนนโหวต 47.3% และพรรคสังคมนิยม (PS) ของอดีตนายกจะได้คะแนนเสียง 25% ถ้ามีการการเลือกตั้งทั่วไปในขณะนี้
ทั้งนี้ พรรค PSD ได้ประกาศเจตนารมณ์แล้วว่าจะจัดตั้งพรรคผสมภายหลังการเลือกตั้ง ร่วมกับพรรคประชาธิปไตยและสังคมกลางเพื่อประชาชน (CDS/PP) ซึ่งมีแนวนโยบายเดียวกัน โดยโพลล์ชี้ว่า ทั้งสองพรรคดังกล่าวจะได้รับคะแนนเสียงข้างมากในสภา เนื่องจากพรรค CDS/PP จะได้คะแนนโหวต 6.3%
สำหรับพรรคปีกซ้ายอีกสองพรรคจะรักษาสถานะปัจจุบันของพรรคเอาไว้ได้ โดยพรรคกลุ่มซ้าย (BE) จะได้คะแนนโหวต 8.9% และพรรคคอมมิวนิสต์โปรตุเกส (PCP) จะได้คะแนนโหวต 6.9%
ขณะเดียวกัน การปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือโปรตุเกส โดยสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ และ ฟิทช์ เรทติงส์ นั้น กำลังทำให้วิกฤตของประเทศเลวร้ายยิ่งขึ้น
โดยวิกฤตการเมืองและความล้มเหลวของรัฐบาลในการสนับสนุนให้รัฐสภาอนุมัติแผนการปรับลดงบประมาณ ได้ส่งผลให้เอสแอนด์พีประกาศปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้น สู่ระดับ BBB จาก A- และฟิทช์ปรับลดอันดับเครดิตโปรตุเกสลง 2 ขั้นเช่นกัน สู่ระดับ A- จากเดิม A+
เอสแอนด์พีระบุด้วยว่า รัฐบาลโปรตุเกสจะต้องขอความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศในระยะเวลาอันใกล้นี้