นายเทพพนม นามลี ประธานคณะกรรมการศึกษาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม(JBC)ไทย-กัมพูชา ภาคประชาชนและคณะ ได้ยื่นคำร้องต่อนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด(อสส.) เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวน และส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคประชาธิปัต ฐานกระทำผิดรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 94(4)
ผู้ร้องระบุว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สนับสนุนให้รัฐบาลเห็นชอบ และปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก(MOU 2543) โดยนายอภิสิทธิ์ได้เสนอเรื่องเข้ารัฐสภา เพื่อแต่งตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 พ.ย.53 ซึ่งมีนายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธาน จากนั้นนายอภิสิทธิ์ยังมีหนังสือที่ นร.0503/13656 เพื่อขอความเห็นชอบบันทึกการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม-ไทยกัมพูชาทั้ง 3 ฉบับจากรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 มาตรา 190
พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการสนับสนุนบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจ และจัดทำหลักเขตแดนทางบกที่นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงนามไว้เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.43 ทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสามพระวิหารให้แก่กัมพูชาโดยปริยาย เพราะข้อเท็จจริงดินแดนดังกล่าวเป็นของประเทศไทยแล้วตั้งแต่ พ.ศ.2505 ตามคำพิพากษาของศาลโลก
การที่นายอภิสิทธิ์ได้เพิกเฉยต่อการรุกล้ำดินแดน 4.6 ตร.กม.ของประเทศกัมพูชา อีกทั้งนายเจริญได้เดินทางเข้าไปถ่ายภาพแสดงความยินดี พร้อมมอบเงินให้วัดแก้วซึ่งอยู่ในพื้นที่พิพาทดังกล่าว เป็นการเพิกเฉยต่อการรุกล้ำดินแดนตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ
นายเทพพนม กล่าวว่า หลังจากนี้เตรียมนำนายธเนศ เครือรัตน์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ศรีสะเกษ ที่เคยเข้าร่วมกับคณะกรรมการศึกษาเขตแดนร่วมฯ มาเป็นพยานในชั้นพิจารณาของอัยการ หากมีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาสอบสวนตามคำร้อง