นายชัย ชิดชอบ ประธานรัฐสภา กล่าวว่า แม้การประชุมร่วมรัฐสภาใน 2 วันที่ผ่านมาจะล่มไปเพราะองค์ประชุมไม่ครบนั้น แต่ยืนยันว่าจะต้องมีการประชุมสภาฯ สัปดาห์ละ 4 วันเช่นเดิม เนื่องจากมีการออกระเบียบวาระประชุมไปแล้ว และยังมีร่างกฎหมายที่ยังต้องรอการพิจารณาอยู่อีกหลายฉบับที่ต้องเร่งผลักดันให้มีผลบังคับใช้
ทั้งนี้โดยส่วนแล้ว มองว่าการที่สภาฯ ล่มติดต่อกัน 2 วัน คงไม่ใช่เพราะสาเหตุจากจะมีการพิจารณาบันทึกรายงานการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา(เจบีซี) ทั้ง 3 ฉบับ แต่เป็นเพราะ ส.ส.ต่างลงพื้นที่หาเสียงจากประชาชน เนื่องจากเป็นช่วงใกล้เลือกตั้ง จึงทำให้ไม่สนใจงานในสภาฯ เท่าที่ควร ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการเลือก ส.ส.ด้วยการเลือกบุคคลที่เข้าร่วมประชุมสภาฯ อย่างต่อเนื่อง
นายชัย ยอมรับว่ารู้สึกเหนื่อยใจและจะไม่ขอรับตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรอีกหากได้รับเลือก
ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจำหน่ายคำร้องกรณีที่สมาชิกรัฐสภาเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าบันทึกการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับ เข้าข่ายเป็นหนังสือสัญญาที่ต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ตามมาตรา 190 ในรัฐธรรมนูญปี 50 หรือไม่นั้น ประธานรัฐสภา กล่าวว่า จากนี้เป็นเรื่องที่สภาฯ จะต้องดำเนินการต่อไป เพราะถือเป็นกฎหมายสำคัญ ซึ่งหากลงมติแล้วเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยรัฐบาลก็คงต้องยุบสภาทันที
อย่างไรก็ดี ในวันที่ 5 เม.ย.นี้ ที่ประชุมร่วมรัฐสภาอาจยังไม่สามารถพิจารณาลงมติบันทึกการประชุมเจบีซีทั้ง 3 ฉบับได้ทัน เพราะต้องรอหนังสือจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน อีกทั้งต้องออกระเบียบวาะให้สมาชิกทราบก่อนล่วงหน้า 3 วัน ส่วนจะเลื่อนไปเป็นวันใดนั้นขึ้นอยู่กับความพร้อมของรัฐบาล
ส่วนการที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต(ป.ป.ช.) ว่าถ้าสมาชิกรัฐสภาคนใดลงมติเห็นชอบกับบันทึกเจบีซีอาจมีความผิดนั้น นายชัย กล่าวว่า การลงมติของสมาชิกรัฐสภาจะไม่มีความผิด เพราะถือเป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในการพิจารณากฎหมาย