พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เสนอให้มีการเว้นวรรคไม่มีการเลือกตั้งระยะเวลาหนึ่งประมาณ 4-5 ปี เพื่อทำทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทาง เข้าระบบเสียก่อน แล้วจึงกลับมามีเลือกตั้งตามเดิม
สิ่งที่มีประโยชน์ต่อประเทศในขณะนี้ ควรมีการปฏิรูปการเมืองครั้งใหญ่ เนื่องจากการเลือกตั้งที่ผ่านๆมา กลับได้ผู้แทนที่แย่ลงๆเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเด็นการปกป้องดินแดนอธิปไตย และภาวะข้าวยากหมากแพง ที่บรรดา ส.ส.ไม่ให้ความสนใจ เนื่องจากส่วนใหญ่ใช้เงินซื้อเสียงเข้ามา และสนใจแต่การทุจริตคอร์รัปชั่นเพื่อเป็นทุนในการเลือกตั้งเท่านั้น
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไปบ้านเมืองเราแย่แน่ จึงเห็นควรว่าต้องมีการปฏิรูปการเมือง และเว้นวรรคการเลือกตั้งระยะหนึ่ง เพื่อปรับระบบให้เข้าที่ ส่วนกระบวนเป็นอย่างไรนั้นเราคงไม่ลงรายละเอียด เหมือนเรารู้ว่าเป็นโรคร้ายแรง ผู้ที่เข้ามาทำหน้าที่รักษาต้องหาวิธีการเอง ซึ่งไม่ใช่นักเลือกตั้งที่ซื้อเสียงเข้ามาที่สนใจต่อปัญหาบ้านเมือง แต่หากมีการเลือกตั้ง ก็ควรมีมาตรการตีโต้ประท้วงกลับโดยลงคะแนนในช่องไม่เลือกใคร เพื่อให้นักการเมืองรู้ว่าประชาชนไม่พอใจ” พล.ต.จำลอง กล่าว
พล.ต.จำลอง กล่าวว่า แต่หากปีนี้มีการเลือกตั้ง ก็จะรณรงค์ให้ประชาชนลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนให้ใคร หรือโหวตโน
ด้าน นายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า การโหวตโนนี้ ทางพรรคประชาธิปัตย์เคยใช้เป็นกลยุทธ์ในการบอยคอตการเลือกตั้งมาแล้วเมื่อครั้งวันที่ 2 เม.ย.49 รวมไปถึงพรรคพรรคเพื่อไทยในสมัยที่เป็นพรรคพลังประชาชนก็เคยรณรงค์ให้มีการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ในการลงประชามติ ซึ่งทั้ง 2 กรณีถือเป็นแนวทางเดียวกับจุดยืนของพันธมิตรฯในครั้งนี้
ดังนั้นการรณรงค์โหวตโนจึงเป็นสิทธิที่พี่น้องประชาชนสามารถทำได้ เป็นการแสดงออกของประชาชน หากครั้งนี้การโหวตโนของประชาชนมีมากพอก็จะทำให้เกิดการปฏิรูปและการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้
"เรื่องที่ทำให้ประชาชนมาถึงจุดนี้ก็คือ การไม่ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตยของชาติที่รัฐบาลไม่นำพา ไม่สนใจผลประโยชน์ของชาติ ประชาชนจึงสิ้นหวัง ดังนั้นเกมโหวตโนเป็นการตอบโต้โดยพลังของประชาชนที่ทรงอานุภาพมาก"นายประพันธ์ กล่าว