นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุสาเหตุที่รณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน(โหวตโน) เนื่องจากเห็นว่าการเมืองไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปเพื่อให้หลุดพ้นเงื้อมมือของกลุ่มผู้มีอิทธิพลเพียงไม่กี่คนที่ต้องการเข้ามารักษาอำนาจของตัวเองและพวกพ้องเอาไว้
"การเลือกพรรคการเมืองหนึ่งพรรคการเมืองใดไม่สามารถเป็นคำตอบได้ จำเป็นต้องแสดงฉันทานุมัติและเจตนารมณ์ของประชาชนในการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่ไม่สามารถหวังได้จากนักการเมืองที่อยู่ในระบบที่หวังเพียงการรักษาอำนาจของตัวเองและพวกพ้องเอาไว้เท่านั้น" นายปานเทพ กล่าว
โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า การที่ ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ประกาศตัวลงเล่นการเมือง โดยขอให้ประชาชนที่จะลงคะแนนโหวตโนมาเลือกตัวเองดีกว่านั้นแสดงให้เห็นว่าแม้แต่คนที่อยู่ในกระแสสังคมยังสามารถเห็นและรับรู้ได้ถึงความต้องการของประชาชนที่มีความรู้สึกเบื่อทางการเมือง และการเมืองแบบสองขั้วไม่ใช่คำตอบของประเทศ
"การกระทำของ ร.ต.อ.ปุระชัย ไม่สามารถเปลี่ยนความต้องการของประชาชนที่จะไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนได้ เพราะประชาชนไม่ได้ต้องการที่จะเลือกพรรคการเมืองใดเพื่อเป็นความหวังหรือแบบอย่างที่ดีอีกต่อไป ภายใต้ระบบที่จำกัดเฉพาะกลุ่มผู้มีอิทธิพลเพียงไม่กี่คน การเป็นแบบอย่างที่ดีไม่สามารถเปลี่ยนแปลงการเมืองได้ ต้องอาศัยพลังอำนาจของประชาชนที่มีพลังมากกว่านั้น" นายปานเทพ กล่าว
โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรฯ ยังเรียกร้องให้พรรคการเมืองใหม่(กมม.) พิจารณาไม่ลงเลือกตั้งในระบบที่มีปัญหา แต่ยอมรับว่าการโหวดโนจะไม่มีผลเปลื่ยนแปลงการเลือกตั้งหรือขัดขวางไม่ให้พรรคการเมืองเข้าสู่อำนาจรัฐได้ เพราะในที่สุดแล้วต้องมีพรรคการเมืองที่ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งอยู่ดี
โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า การรณรงค์ให้โนโหวตนั้นมีเหตุผล 4 ประการ คือ 1.เป็นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนด้วยสิทธิตามรัฐธรรมนูญ เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ระบบการเลือกตั้งที่จำกัดเฉพาะกลุ่มบุคคลที่อยู่ในระบบตอนนี้ ไม่ใช่คำตอบทางการเมือง และต้องมีการปฏิรูปทางการเมือง 2.หากเสียงของประชาชนที่กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนบวกกับผู้ไม่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเกินว่า 50 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่านักการเมืองทั้งหมดที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นเสียงของประชาชนข้างน้อยเท่านั้น ทำให้ขาดความชอบธรรมในทันที
3.หากมีประชาชนเข้าร่วมการโหวตโนมากๆ จะทำให้ประชาชนมีโอกาสตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ส.ส.ร. ภาคประชาชน เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เพื่อสู่การแก้ไขกฎหมายต่างๆ หรือรัฐธรรมนูญ ที่เพิ่มสิทธิให้แก่ประชาชน และเพิ่มอำนาจในการตรวจสอบ ลดการทุจริตคอร์รัปชั่น สร้างความเป็นธรรมให้กับสังคมมากขึ้น และ 4.จะเป็นการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักการเมือง ที่ถูกประชาชนบีบให้ยินยอมต่อการปฏิรูปการเมือง เพราะโดยธรรมชาติของนักการเมืองต้องการคะแนนเสียงให้มากที่สุด
"หากประชาชนรู้จักถอยออกมา สิทธิของประชาชนจะมีคุณค่าทันที ทำให้นักการเมืองยอมจำนนต่อภาคประชาชน เพื่อช่วงชิงเสียงในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน จึงเห็นว่าหากมีการเลือกตั้ง ควรมีการรณงค์เพื่อให้กาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนมากกว่าที่จะไปเลือกพรรคการเมืองใดที่ไม่เห็นหนทางในการปฏิรูปการเมืองเลย" นายปานเทพ กล่าว
โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า รูปแบบในการรณรงค์นั้นขณะนี้ได้เริ่มดำเนินการผ่านช่องทางโซเชียลเน็ตเวิร์ค ที่เริ่มมีผู้ให้การสนับสนุนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีการรณรงค์กันเอง ทำให้เห็นถึงปรากฎการณ์ที่ประชาชนในโลกออนไลน์ที่รับรู้ถึงข้อมูลข่าวสารมากขึ้น โดยจะทำควบคู่ไปกับการเคลื่อนไหวที่เวทีการชุมนุม ณ สะพานมัฆวานฯ ที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าการเลือกตั้งไม่ใช่คำตอบต่อปัญหาการทวงคืนแผ่นดินและปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งเป็นที่มาของการรณรงค์โหวตโน โดยเชื่อว่าจะสามารถรณรงค์ให้มากขึ้นหลังจากนายกฯประกาศยุบสภา โดยการรณรงค์ก็จะเป็นในลักษณะของการหาเสียงประเภทหนึ่ง ที่ไม่ใช่แคมเปญที่ทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้องตัวเอง แต่เป็นการทำเพื่อให้เกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ โดยจะมีภาคประชาชนทำหน้าที่รณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิและกาในช่องไม่เลือกตั้ง พร้อมกับการตรวจสอบการทุจริตในการเลือกตั้งไปด้วย
ด้าน พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า การชุมนุมตลอดกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา มีการเรียกร้องให้รัฐบาลและนักการเมืองออกมาทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดิน แต่ปรากฏว่าไม่ได้รับความสนใจจากนักการเมืองเลย เห็นได้ชัดจากการอภิปรายไม่ไว้วางที่ไม่ให้ความสำคัญต่อกรณีการสูญเสียดินแดน สะท้อนว่า ส.ส.ที่ได้เข้ามาทำหน้าที่เพราะการซื้อเสียงนั้นไม่มีความสนใจเรื่องปัญหาบ้านเมือง สนใจเพียงการเข้าสู่อำนาจเท่านั้น เมื่อเห็นว่าระบบการเมืองแบบเก่าไม่สามารถไปต่อได้แล้ว จึงต้องมีการปฏิรูปการเมืองให้มีการจับระบบให้เรียบร้อย อาจจะเว้นวรรคซัก 4 ปี เมื่อเสร็จแล้วก็ให้พรรคการเมืองเข้ามาดำเนินการต่อไปได้
"หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ โดยไม่มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ จะทำให้บ้านเมืองเสียหายยับเยินแน่นอน และเมื่อมีการเลือกตั้งก็จะรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ แต่ให้กาช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน" พล.ต.จำลอง กล่าว