นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงกรณีที่ครอบครัวของนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกคุมขังอยู่ที่ประเทศกัมพูชาได้เข้ายื่นหนังสือต่อพรรคเพื่อไทย(พท.) เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้การช่วยเหลือ 2 คนไทยว่า ทางกลุ่มพันธมิตรฯ รู้สึกเห็นใจต่อการตัดสินใจของครอบครัวทั้งคู่ที่อาจจะไม่มีทางเลือก ซึ่งกรณีนี้อาจสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้ในการใช้อำนาจบริหารแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศ
"การที่ครอบครัวจะแสวงหาแนวทางอื่น ก็เป็นการดิ้นรนเพื่อช่วยสมาชิกในครอบครัวอย่างไม่มีทางเลือก พันธมิตรฯ ก็เห็นใจต่อการตัดสินใจของครอบครัวทั้งคู่ ไม่ว่าจะดำเนินการในทางไหน เราก็มีความเข้าใจและเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง การหันไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เพราะไม่มีทางเลือก สะท้อนถึงความล้มเหลวของรัฐบาลชุดนี้ที่ไม่สามารถใช้อำนาจของฝ่ายบริหารเข้าช่วยเหลือได้" นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ ยังกล่าวกำหนดการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(เจบีซี) และคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป(จีบีซี) ที่กำหนดจัดขึ้นที่ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ว่า ถือว่ามีความขัดแย้งกันอย่างชัดเจนในรัฐบาล เนื่องจาก พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ยืนยันว่าจะไม่เดินทางไปอินโดนีเซีย ทำให้จะมีแต่การประชุมเจบีซีอย่างเดียว ซึ่งสอดคล้องกันกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ที่ว่าฝ่ายทหารจะไม่ยอมประชุมเรื่องชายแดนในประเทศที่ 3 ในขณะที่การเมืองและกระทรวงการต่างประเทศเห็นดีเห็นงามให้ประเทศที่ 3 เข้ามาเป็นสักขีพยานในการไม่ให้ฝ่ายทหารใช้กำลังทหารผลักดันกัมพูชาออกจากดินแดนไทย
ด้านนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(จีบีซี) ซึ่งกำหนดจัดประชุมในวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ที่ประเทศอินโดนีเซียว่า การเจรจาใดๆ ระหว่างไทยกับกัมพูชานั้น รัฐบาลควรยุติการดำเนินการทั้งหมด เพราะได้ประกาศชัดว่าจะยุบสภาในช่วงต้นเดือน พ.ค. ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ช่วงเวลานี้ในการทำสิ่งที่มีผลผูกพันในระยะยาว
นอกจากนี้ หากจะมีการเลือกตั้งใหม่ ก็ควรให้แต่ละพรรคการเมืองที่เสนอตัวจะเข้ามาเป็นรัฐบาลได้ออกนโยบายแข่งขันกันว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ อีกทั้งในช่วงนี้ที่ประชาชนในภาคใต้ประสบกับปัญหาภัยธรรมชาติอย่างหนัก รัฐบาลควรใช้เวลาในการทุ่มเทแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลักมากกว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากรัฐบาลยุติการดำเนินการเกี่ยวกับเขตแดนไทย-กัมพูชา ทางกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมจะทบทวนท่าทีและยุติการชุมนุมหรือไม่นั้น นายประพันธ์ กล่าวว่า รัฐบาลควรมีท่าทีที่ชัดเจนต่อ 3 ข้อเรียกร้องของภาคประชาชน รวมทั้งการดำเนินการต่อเจบีซี, จีบีซี และการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ต้องมีความชัดเจนออกมาเช่นกัน เพราะตราบใดที่รัฐบาลไม่มีคำตอบให้ประชาชน การชุมนุมก็ต้องดำเนินต่อไป
ส่วนเมื่อมีการยุบสภาและมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว การชุมนุมก็อาจจะแปรเปลี่ยนเป็นการรณรงค์ให้ประชาชนลงคะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนหรือโหวตโนแทน เนื่องจากที่ผ่านมาเวทีนี้ก็ประกาศมาเสมอว่าไม่สนับสนุนการเลือกตั้งในช่วงเวลานี้อยู่ ซึ่งการชุมนุมจะอยู่ต่อไปหรือไม่ก็คงไม่เป็นผลต่อการเลือกตั้ง เพราะผู้ชุมนุมไม่ได้มีพฤติกรรมขัดขวางกระบวนการเลือกตั้ง แต่มีเวทีอยู่เพื่อให้ความรู้กับประชาชนต่อไป รวมทั้งติดตามด้วยว่ารัฐบาลต่อไปที่เข้ามาทำหน้าที่มีแนวนโยบายเช่นเดียวกับรัฐบาลนี้หรือไม่ หากเหมือนกันการชุมนุมก็ต้องดำเนินต่อไป