สวนดุสิตโพล เผยประชาชนทั่วประเทศ 77.16% พร้อมจะไปเลือกตั้งที่คาดว่าจะมีขึ้นในเร็ววันนี้เพราะอยากเห็นการเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง, สถานการณ์การเมืองในขณะนี้ย่ำแย่เต็มที, อยากได้คนดีมาบริหารประเทศ, เป็นสิทธิและหน้าที่ของคนไทยทุกคน ฯลฯ
"ผลสำรวจความคิดเห็นของคนไทยทั่วประเทศมองว่าความขัดแย้งแตกความสามัคคีของคนในชาติเป็นแรงกระตุ้นให้คนไทยพร้อมที่จะไปเลือกตั้งถึง 77.16%" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
โดยเหตุการณ์ทางการเมืองที่บั่นทอนความตั้งใจที่จะไปเลือกตั้งนั้น ประชาชน 34.47% ระบุปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลกระทบต่อสภาพความเป็นอยู่/ภัยธรรมชาติต่างๆ รองลงมา 25.06% ระบุเป็นปัญหาการแตกความสามัคคี ทะเลาะเบาะแว้ง พูดจาใส่ร้ายป้ายสี โจมตีกันไปมาของนักการเมือง และ 20.59% ระบุเป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ/การประท้วง
ส่วนแรงขับหรือแรงกระตุ้นที่จะทำให้ประชาชนไปเลือกตั้ง 25.71% มาจากความขัดแย้งทางความคิด การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายของคนไทย/การขาดความสามัคคีของคนในชาติ รองลงมา 20.64% มาจากความแตกแยก ความวุ่นวายทางการเมือง การประท้วงต่างๆ และ 19.83% มาจากคุณภาพชีวิตของประชาชนที่แตกต่างกัน สภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่ เศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ประชาชนต้องออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อให้ได้คนดีเข้ามาบริหารประเทศ
แต่ประชาชนส่วนใหญ่ที่มีอารมณ์อยากไปเลือกตั้งครั้งนี้มาก เพราะอยากเห็นการเมืองไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องออกมาใช้สิทธิ อยากได้คนดีคนเก่งเข้ามาบริหารประเทศ ฯลฯ ส่วนที่เหลือไม่ค่อยอยากไปเลือกตั้งเพราะไม่รู้ว่าจะเลือกใคร คนที่เข้ามายังคงเป็นนักการเมืองหน้าเดิมๆ ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาพัฒนาประเทศ รู้สึกเบื่อหน่ายกับนักการเมืองและการเมืองไทยในขณะนี้ เลือกไปก็เหมือนเดิม ฯลฯ
โดยบทเรียนจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาซึ่งจะนำมาใช้กับการเลือกตั้งครั้งนี้ ประชาชน 31.37% ระบุว่าจะเลือกคนดีเข้ามาบริหารบ้านเมือง โดยพิจารณาจากคุณสมบัติที่เหมาะสมอย่างรอบคอบ รองลงมา 22.38% เลือกคนที่พูดจริงทำจริง ไม่สร้างภาพ มีผลงานให้เห็น และอีก 20.67% ทำให้รู้ว่าการเมืองไทยยังคงเหมือนเดิม ย่ำอยู่กับที่ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้สอบถามความคิดเห็นจากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,569 คน ช่วงวันที่ 12-16 เม.ย.ที่ผ่านมา