นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิด สน.ยุติธรรม ระยะที่ 1 (นำร่อง) ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (สน.ยุติธรรม ชุมชนคลองลัดมะยม เขตตลิ่งชัน สน.ยุติธรรม ชุมชนสุคันธาราม เขตดุสิต สน.ยุติธรรม ชุมชนอยู่เจริญ เขตดอนเมือง และสน.ยุติธรรม ชุมชนดินแดง เขตดินแดง) เพื่อเป็นช่องทางเชื่อมต่อให้ประชาชนเข้าถึงความยุติธรรมสร้างแนวร่วมกับภาคประชาชนในการเฝ้าระวัง และแจ้งเบาะแสข้อมูลการกระทำผิด ลดปัญหาอาชญากรรม
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวจะนำไปสู่การขยายผลต่อไป ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าจะมีการดำเนินการขยายเพิ่มอีก 16 แห่ง ในจังหวัดอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
และหากกระบวนการนี้มีการพัฒนาและมีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้นก็มีความมั่นใจว่าจะทำให้ประชาชนทั่วประเทศได้รับความยุติธรรมและได้รับการอำนวยความสะดวกในหลาย ๆ ด้านมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ การสนับสนุนของภาครัฐจะเป็นการเข้าไปอำนวยความสะดวกในการสนับสนุนให้มีเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติงานเพื่อช่วยดูแลการบริหารจัดการ สน.ยุติธรรม ขณะเดียวกัน จะมีการพัฒนาในลักษณะที่เป็นการเชื่อมโยงเครือข่ายให้มีการทำงานอย่างเป็นระบบโดยอาศัยเทคโนโลยี โดยจะมีเว็บไซต์ และระบบของการติดตามงาน ตลอดจนสามารถที่จะให้มีการจะร้องเรียนได้ เพราะฉะนั้นเรื่องใดที่มีการมาร้องเรียนที่ สน.ยุติธรรม ก็จะได้มีการประสานงานไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในการเข้ามาแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนโดยมีการกำหนดเวลาไว้อย่างชัดเจนในการดำเนินการในแต่ละเรื่องที่มีการร้องเรียนมา และหากปัญหายังไม่เป็นที่ยุติจะต้องมีการรายงานผลมาทุกรอบเดือน เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งให้ผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานต่าง ๆ ได้มีการติดตามงานทางด้านนี้อีกด้วย
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า หากประชาชนได้มีส่วนร่วมในการกระบวนการของการพัฒนาและการบริหารงานทางด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยตรงแล้วจะทำให้มีหลักประกันและมีความมั่นใจว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้อย่างตรงจุด มีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้การดำเนินงานของกระทรวงยุติธรรมในช่วง 2 ปี ที่ผ่านมาได้มีการเน้นย้ำในเรื่องของการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในกระบวนการยุติธรรม หรือการอำนวยความยุติธรรม โดยเฉพาะการให้การความรู้ การรณรงค์และการ เชิญชวนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในงานดังกล่าวมากยิ่งขึ้น เช่น งานอาสาพิทักษ์ยุติธรรมนั้น ปัจจุบันมีประชาชนเข้ามาร่วมในกระบวนการนี้แล้วมากกว่า 15,000 คน ซึ่งเป็นนิมิตหมายที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าประชาชนมีความตื่นตัวมากยิ่งขึ้นในเรื่องของที่จะมีบทบาทในการอำนวยความยุติธรรม โดยเฉพาะใน ชุมชนของตนเอง ขณะเดียวกันหากสามารถทำให้ชุมชนต่าง ๆ ในประเทศไทย สามารถที่จะทำให้เกิดการรวมตัวในกันในลักษณะเช่นนี้ได้นั้น จะไม่เพียงแต่เป็นการอำนวยความยุติธรรมเท่านั้น แต่รวมไปถึงการดูแลทุกข์สุขในทุก ๆ ด้าน อาทิ การแก้ปัญหาสังคม การมีส่วนร่วมในการที่จะพัฒนาที่สอดคล้องกับความต้องการของคนในพื้นที่ก็จะสามารถที่จะดำเนินไปได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพด้วย