ศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษาแก้ให้ประทับรับฟ้องคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กับพวกรวม 5 ราย เป็นจำเลยในคดีหมิ่นประมาทกล่าวหาบริหารประเทศแบบซีอีโอ หลังพิจารณาพยานหลักฐานแล้วเห็นว่าคดีมีมูล
โดยคดีนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ยื่นฟ้องพรรคประชาธิปัตย์, นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์, บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์มติชน, บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ข่าวสด และบรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328, 332, 83, 84, 91 และ พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 4 และ 48 เนื่องจากช่วงวันที่ 17-19 พ.ค.49 จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันแถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรียุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณลาออก โดยกล่าวอ้างทำนองว่าบริหารประเทศแบบซีอีโอที่มีรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้ช่วย ทำงานไม่ได้ และยังได้กล่าวเปรียบเทียบ พ.ต.ท.ทักษิณ เหมือนผีปอบ ที่ออกจากร่างแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้จึงพยายามทุกวิถีทางเพื่อกลับเข้าสู่ร่างเดิม
ต่อมาเมื่อวันที่ 26พ.ย.50 ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาให้ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง เนื่องจากเห็นว่าเป็นการตอบโต้ทางการเมือง ขณะที่มีความคิดขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น และสังคมก็มีความคิดเห็นและข้อขัดแย้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย โดยการนำเอาจุดบกพร่องตามที่ปรากฏขึ้นมาวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม การกระทำของจำเลยทั้งหมดจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง ต่อมาโจทก์ได้ยื่นอุทธรณ์
ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า คดีมีมูล จึงพิพากษาแก้ให้ประทับรับฟ้องในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จำเลยที่ 1 และนายเทพไท จำเลยที่ 2 ส่วนจำเลยที่ 3-5 ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยศาลจะได้นัดพร้อมคู่ความในส่วนที่ประทับรับฟ้องจำเลยที่ 1-2 ต่อไป