โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยประธานอาเซียนแจ้งขอเลื่อนกำหนดการเดินทางเยือนไทยและกัมพูชาในวันนี้(25 เม.ย.) เพื่อหารือในประเด็นการส่งผู้สังเกตุการณ์พื้นที่พิพาท 4.6 ตารางกิโลเมตรรอบปราสาทพระวิหารออกไปก่อน เพื่อศึกษาปัญหาและข้อมูลให้ครบถ้วนก่อน ด้านรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงระบุการเจรจาในระดับนโยบายขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายมาร์ตี้ นาตาเลกาวา รมว.ต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ได้แจ้งขอเลื่อนการเดินทางเยือนไทยและกัมพูชาในวันนี้ เนื่องจากจะขอไปศึกษาปัญหาและทำรายละเอียดเรื่องข้อตกลงที่ยังมีความไม่ชัดเจนก่อน และคาดว่าในเร็วๆ นี้น่าจะมีการนัดหารืออีกครั้ง โดยเรื่องดังกล่าวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานแล้ว
ด้านนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวว่า ตนเองได้หารือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) และ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 ถึงสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชามาอย่างต่อเนื่อง โดยพยายามหาทางออกด้วยการทางเจรจาและยึดหลักสันติวิธี
สำหรับกองทัพมีหน้าที่ดูแลปกป้องอธิปไตยไม่ให้ถูกรุกราน ซึ่งตนเองได้สอบถามทางกองทัพแล้วทราบว่าในการตอบโต้หากฝ่ายกัมพูชาแรงมาฝ่ายไทยก็จะแรงไปเช่นกันและจะทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ส่วนการเจรจาในระดับนโยบายนั้นคงต้องใช้เวลาและขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้นำกัมพูชาด้วยว่าต้องการให้สถานการณ์ยุติอย่างไร ขณะที่ฝ่ายไทยได้ส่งสัญญาณผ่านทางทูตและสื่อว่าต้องการเจรจา
นายสุเทพ กล่าวว่า ฝ่ายไทยจะยึดแนวเขตแดนมิให้ฝ่ายเขมรรุกล้ำเข้ามาโดยแด็ดขาด และยืนยันว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ก้าวก่ายในยุทธวิธีทางทหาร รวมทั้งขอยืนยันกับประชาคมโลกว่า ไทยไม่มีการใช้แก๊สพิษหรือเครื่องบินรบในการตอบโต้กัมพูชา
นายสุเทพ ปฏิเสธที่จะระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นมาจากตัวนายกรับมนตรีกัมพูชาเพียงอย่างเดียว และไม่คิดว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวโยงกับการเมืองภายในของไทย รวมทั้งไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าหากปีหน้าเมื่อกัมพูชาเป็นประธานอาเซียนแล้วสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาจะเป็นอย่างไร