ผูื้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการเข้าสู่วาระการประชุมวุฒสภาวันนี้ (2 พ.ค.54) นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ในฐานะประธานการประชุม ได้เปิดให้สมาชิกหารือปัญหาต่างๆ โดยส.ว. ส่วนใหญ่ อภิปรายแสดงความเป็นห่วงเรื่องปัญหาพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา และเป็นห่วงช่วงสุญญากาศยุบสภา ที่วุฒิสภาต้องรับทำหน้าที่แทนสภาผู้แทนราษฎร
โดยนายสุรเดช จิรัฐติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี กล่าวว่า มีความกังวลต่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา และเป็นห่วงการทำงานของรัฐบาลช่วงโค้งสุดท้ายก่อนยุบสภา ที่มีข่าวว่าคณะรัฐมนตรีเตรียมจะอนุมัติทิ้งทวนในหลายโครงการ มูลค่ากว่าแสนล้านบาท จึงต้องการเตือนให้รัฐบาลพิจารณาเท่าที่จำเป็น และอย่าใช้อำนาจรัฐในการหาเสียงเลือกตั้งด้วย
นายอโนทัย ฤทธิปัญญาวงศ์ สว.สรรหา ขอให้รัฐบาลกำหนดภารกิจสำคัญในระยะสั้นอย่างชัดเจนในการแก้ปัญหาต่างๆ เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนอุ่นใจ จนกว่าจะมีเลือกตั้งใหม่และมีรัฐบาลใหม่มาบริหารประเทศ
ขณะที่นาย สาย กังกเวคิน ส.ว.ระยอง กล่าวว่า รัฐบาลโดยกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงกลาโหม ยังไม่ได้ทำหน้าที่ ตาม มาตรา 77 และมาตรา 81 ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องรักษาประชาธิปไตย และสิทธิเสรีภาพของประชาชน และรักษาความเป็นธรรมให้คนไทย เพราะถ้ารัฐบาลไม่รีบแก้ปัญหา ปล่อยให้กัมพูชา ใช้ประโยชน์จาก MOU ปี 2543 จะทำให้ประวัติศาสตร์ไทยได้บันทึกไว้ว่า รัฐบาลนี้ ทำให้กัมพูชาซึ่งเป็นประเทศที่ด้อยกว่า ข่มขู่และมีอิทธิพลเหนือไทย
นายคำนูน สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึง ทีโออาร์ของการส่งผู้แทนอินโดนีเซียเข้าร่วมสังเกตการณ์ในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กัมพูชาตอบรับ แต่ไทยยังไม่ได้ตอบรับ เพราะยังมีความเห็นต่างกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและฝ่ายทหาร ซึ่งส่วนตัวเห็นว่า มีความละเอียดอ่อน และมองว่าทีโออาร์ดังกล่าว เป็นหนังสือสัญญา ตามมาตรา 190 วรรค 2 ที่กระทรวงการต่างประเทศจะไปลงนามกับอินโดนีเซียโดยไม่ผ่านรัฐสภาไม่สามารถทำได้
นางพรพันธุ์ บุณยรัตพันธุ์ ส.ว.สรรหา เสนอให้ไทยมีหน่วยงานที่ดำเนินการต่อเนื่องในการแก้ปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลใหม่ ก็ขอให้หน่วยงานดังกล่าวทำหน้าที่ต่อไป โดยให้ศึกษาประวัติศาสตร์ และยกระดับความสัมพันธ์ของไทยกับประเทศเพื่อนบ้านดีขึ้น
นางตรึงใจ บูรณสมภพ ส.ว.สรรหา แสดงความเป็นห่วง วัฒนธรรมไทยที่ถูกกัมพูชา นำไปยื่นจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญา ไม่ว่าจะเป็นรำไทย วรรณกรรมขุนช้างขุนแผน เอกลักษณ์ของวัดพระแก้ว และพระราชวัง ลอกเลียนแบบ และยึดไปเป็นของตัวเอง จึงเรียกร้องให้กระทรวงวัฒนธรรมไปเร่งจดทะเบียนและแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างเร่งด่วน