ครม.นัดทิ้งทวนพิจารณา 162 เรื่อง รวมงบ-กรอบวงเงินสินเชื่อ 1.2 แสนลบ.

ข่าวการเมือง Tuesday May 3, 2011 10:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ มีเรื่องให้พิจารณา 162 เรื่องด้วยกัน เนื่องจากเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งสุดท้ายก่อนที่จะมีการยุบสภา โดยหลายหน่วยงานต่างยื่นขออนุมัติงบประมาณจัดทำโครงการต่างๆ รวมเงินกรอบวงเงินปล่อยสินเชื่อรวมแล้วกว่า 1.2 แสนล้านบาท

วาระสำคัญที่จะมีการพิจารณาประกอบด้วย กระทรวงการคลัง เสนอ 16 วาระให้พิจารณา อาทิ แนวทางแก้ปัญหาปุ๋ยเฉพาะหน้า โดยจะให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.)ปล่อยสินเชื่อปุ๋ยอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าของ ธ.ก.ส.และเกษตรกรทั่วไปวงเงิน 20,000-30,000 ล้านบาท

โครงการปล่อยกู้บ้านหลังแรกราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท วงเงิน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 2 ปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 30 ปี ซึ่ง ธอส.เป็นผู้ดำเนินการ เพื่อสนับสนุนคนมีรายได้น้อย-ปานกลาง ผู้มีรายได้ประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน สามารถกู้ในวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท

เสนอวงเงินการทำประกันภัยพืชผลจำนวน 2.8 พันล้านบาท เสนออนุมัติบำเหน็จข้าราชการช่วยงาน โครงการประชาวิวัฒน์ จำนวน 40 ล้านบาท เสนอจัดตั้งสำนักงานนโยบายพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน(สพช.) การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ

เสนอปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ รถยนต์นั่งปรับเหลือแค่ 2 อัตรา คือ 30 % สำหรับรถยนต์นั่งที่ขนาดเครื่องยนต์ไม่เกิน 3,000 ซีซี และ 50 % สำหรับเครื่องยนต์เกิน 3,000 ซีซี ไม่ได้เก็บตามกระบอกสูบเหมือนเดิม ที่เก้ฐในอัตราตั้งแต่ 30-40 % และจะนำปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซค์( C02 ) มาพิจารณาด้วย ทั้งนี้หากรถยนต์นั่งดังกล่าวมีปริมาณการปล่อย คาร์บอนไดออกไซค์เกิน 200 กรัมต่อกิโลเมตร จะถูกเก็บภาษีเพิ่มอี 5 % หรือคิดเป็นเงินประมาณ 6,000 บาทต่อคัน แต่หากปล่อยคาร์บอนต่ำกว่า 150 กรัมต่อกิโลเมตรก็จะได้ลดภาษี 5 % เช่นเดียวกัน ทั้งนี้จะให้เวลาผู้ประกอบการปรับตัวเป็นเวลา 3 ปี

นอกจากนี้ จะเสนอวาระการลดภาษีและค่าธรรมเนียมเพื่อสนับสนุนการพัฒนาตลาดทุนไทย 5 เรื่อง คือ การกำหนดโครงสร้างภาษีพันธบัตรอิสลาม,การยกเว้นภาษี Capital Gain กรณีบุคคลธรรมดาสำหรับการขายหลักทรัพย์กรณีนักลงทุนไทยไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์อาเซียน

การปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกจาก PVD จากการเกษียณอายุเป็น 55 ปี และเป็นสมาชิกของ PVD เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี การกำหนดภาษีเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ เรื่อง Shares Swap และการคงสิทธิประโยชน์ทางภาษีกรณีบริษัทได้รับการลดอัตรา และการให้หัก WHT 10% สำหรับเงินปันผลที่ได้รับ และสามารถเลือกไม่นำมาร่วมคำนวณได้สำหรับบริษัทต่างประเทศที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย

ด้านกระทรวงคมนาคมจะเสนอโครงการเร่งด่วนให้พิจารณาเพื่อไม่ต้องการให้โครงการหยุดชะงักระหว่างการรอรัฐบาลใหม่ รวมมูลค่ากว่า 32,000 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการจัดหารถจักรดีเซลไฟฟ้า จีอี 50 คันวงเงิน 6.5 พันล้านบาท, โครงการปรับปรุงรถจักร 56 คัน วงเงิน 3.3 พันล้านบาท, โครงการจัดหารถโดยสารรุ่นใหม่สำหรับบริการเชิงพาณิชย์ 115 คัน วงเงิน 4.9 พันล้านบาท, โครงการก่อสร้างอุโมงค์เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดเชียงใหม่อำเภอหางดง วงเงิน 1 พันล้านบาท,

โครงการก่อสร้างถนนราชพฤกษ์ ถนนกาญจนาภิเษก (แนวตะวันออก-ตะวันตก)วงเงิน 2.4 พันล้านบาท, โครงการสร้างจุดเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าเพชรบุรีกับสถานีมักกะสัน วงเงินกว่า 10 ล้านบาท, โครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านบริการการเดินอากาศ 4.4 พันล้านบาท, ขอออกพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เวนคืนที่ดินทางด่วนใหม่สายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก 16.7 กิโลเมตรค่าเวนคืน 9.5พันล้านบาท รวมทั้งการขอยกเว้นการใช้ระบบอนุญาโตตุลาการรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) เสนอจัดตั้งสำนักงานตั๋วร่วม 62 ล้านบาท ของบศึกษาระบบกำหนดตำแหน่งบนโลกใช้ติดตั้งรถสาธารณะ 10 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนหน่วยงานด้านความมั่นคง อาทิ กระทรวงกลาโหม เสนอขออนุมัติงบประมาณซื้อรถถังจากประเทศยูเครนจำนวน 54 คัน มูลค่ากว่า 7,200 ล้านบาท นำไปประจำการกองพลทหารม้าที่ 3 (พล.ม.3) ซึ่งจะจัดตั้งขึ้นในพื้นที่เดิมของกรมทหารราบที่ 6 จ.ขอนแก่น, ศอ.บต. การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนระดับหมู่บ้านชายแดนภาคใต้ 180 ล้านบาท

ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะเสนอแผนพัฒนาและส่งเสริมตลาดสินค้าอินทรีย์ ปี 54-58 กำหนดเป้าหมายให้ไทยเป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรอินทรีย์ในภูมิภาคอาเซียนและจะขออนุมัติวงเงิน จำนวน 200 ล้านบาท เพื่อนำมาใช้ในโครงการลดภาระค่าครองชีพของประชาชนระยะเร่งด่วนทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการจัดงานมหกรรมสินค้าลดค่าครองชีพ ลงไปในระดับอำเภอ หากคณะรัฐมนตรีอนุมัติ จะสามารถดำเนินโครงการได้ทันที ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ต่อเนื่องไปอีก 3 เดือน

นอกจากนี้ ยังมีในส่วนของคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต. ที่จะเสนอของบประมาณเพื่อใช้ในการจัดการเลือกตั้ง จำนวน 3,817 ล้านบาทด้วย

รวมทั้ง วันนี้คณะรัฐมนตรีจะดำเนินการแต่งตั้งที่ปรึกษากฎหมายตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ เพื่อเป็นคณะทำงานด้านกฎหมายไปต่อสู้คดีกรณีปราสาทพระวิหาร ภายหลังกัมพุชายื่นฟ้องศาลอาญาระหว่างประเทศ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ