นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์เรื่องการยุบสภาว่า ขอเปิดใจว่าอยากเห็นประเทศเดินหน้าต่อไปอย่างไรหลังการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ โดยหวังว่าประชาชนไม่ว่าจะนิยมพรรคการเมืองใด ใส่เสื้อสีอะไร หรือผู้ที่ไม่สนใจการเมือง น่าจะเห็นตรงกันว่า ไม่ว่าพรรคใดหรือบุคคลใดจะเข้ามาเป็นรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีคนต่อไปมีความจำเป็นที่จะต้องช่วยคนจนมีรายได้น้อย ให้สามารถต่อสู้กับปัญหาค่าครองชีพเป็นเรื่องสำคัญ โดยจะต้องยกระดับค่าแรงให้มีรายได้เพียงพอ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
พร้อมกันนั้นจะต้องให้ความสำคัญสูงสุดเรื่องการศึกษาให้ลุกหลานของเราได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ มีหลักประกันรายได้ มีอาชีพที่ดี ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรต้องมีหลักประกันความมั่นคง นอกเหนือจากการคงระบบประกันราคา ยังต้องมีการเพิ่มค่าตอบแทนหรือกำไรให้เกษตรกรลืมตาอ้าปากและมีเงินออม นอกจากนั้น ยังหวังเห็นการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังต่อเนื่องเพื่อให้ภัยคุกคามหมดไป
แต่นอกเหนือทิศทางเชิงนโยบายแล้ว คือหลักการบริหารบ้านเมือง ควรจะเห็นตรงกันว่าการเมืองการปกครองต้องยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย ไม่เดินออกนอกรัฐธรรมนูญ ไม่ออกนอกกฎหมาย การเมืองต้องแข่งขันทางความคิดทางนโยบายอย่างสร้างสรค์ ไม่ปลุกระดมนำไปสู่ความสูญเสีย การสร้างคามเชื่อมั่นศรัทธาในรัฐบาลต้องยึดในความโปร่งใส ไม่ใช้การทุจริตคอรัปชั่นมาทำลายศรัทราต่อรัฐบาล พรรคการเมืองควรจะยึดมั่นผลประโยชน์ส่วนรวมและประโยชน์ของประเทศเท่านั้น ไม่ใช่ผลประโยชน์ของพรรค
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การยุบสภาหมายถึงการสิ้นสุดลงของสภาผู้แทนราษฎรและรัฐบาล แต่เชื่อว่าเป็นการเริ่มต้นสำหรับประชาชนและเริ่มต้นเดินหน้าประเทศไทยในการแก้ปัญหาให้กับประชาชนและครอบครัวอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป โดยหวังว่าประชาชนจะใช้โอกาสในการเลือกตั้งใหม่เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้า
การยุบสภาไม่ได้หมายความว่างานของรัฐบาลจะสิ้นสุดลง ปัญหายังมีอีกมากมาย ประชาชนจำนวนมากยังเผชิญปัญหาค่าครองชีพ ข้าวของแพง รายได้ไม่พอรายได้จ่าย รอคอยให้เดินหน้าแก้ปัญหา รวมทั้งการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่โครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความเป็นอยู่และมีชีวิตดี ลูกหลานคนไทยต้องการโอกาสการศึกษา และปัญหายาเสพติดที่เป็นภัยคุกคามกัดกร่อนความมั่นคงต้องได้รับการแก้ไข และยังมีปัญหาอื่นที่เป็นงานป้องกันปราบปรามทุจริต ปัญหาชายแดนกับเพื่อนบ้านบางประเทศ
เป็นโอกาสดีของประชาชนที่จะตัดสินใจว่าเราจะเดินหน้าแก้ปัญหาเหล่านี้อย่างไร แม้ว่าเราจะกล่าวถึงงานจำนวนมาก แต่ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ เพราะรัฐบาลได้เริ่มมาแล้วด้วยความยากลำบากท่ามกลางการเผชิญวิกฤติซ้อนวิกฤติ ปัญหาการเมืองที่เริ่มตั้งแต่ปี 48-49 ต่อมาปี 49 มีการปฏิวัติทำให้ประชาธิปไตยสะดุดลง มีการยุบพรรค เพิกถอนสิทธินักการเมือง มีรัฐบาลที่ไม่สามารถทำงานได้ภายใต้ความขัดีแย้ง แม้รัฐบาลชุดนี้ก็มีการชุมนุม ก่อเหตุจลาจล กระทบภาพลักษณ์ของประเทศ เศรษฐกิจ การค้า การลงทน และชีวิตความเป็นอยู่ประชาชน
"แม้เรามีงานที่ต้องทำอีกมาก แต่ไม่ได้เริ่มต้นจากศูนย์ การตัดสินใจของประชาชนจะกำหนดให้ประเทศเดินไปในทิศทางไหน เดินไปข้างหน้า หรือเดินถอยหลัง หรือเดินจมปลัก ทำให้ปัญหาที่แท้จริงไม่ได้รับการแก้ไข"นายอภิสิทธิ์ กล่าว