ศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุกการ์ดกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย คนละ 3 ปี ในความผิดฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ, หน่วงเหนี่ยวกักขัง, ข่มขืนใจผู้อื่น และข้อหาอื่นๆ รวม 6 ข้อหา แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาจึงให้ลดโทษจำคุกเหลือคนละ 2 ปี
คดีนี้พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธีรเดช วรรณา, นายชัยวัฒน์ ทับทอง, นายธานี อาจสว่าง, นายสมชาย ทองเกียรติ, นายพงษ์พันธ์ กาจันทร์ และนายสมชัย หงสา เป็นจำเลยที่ 1-6 เนื่องจากเมื่อวันที่ 24 พ.ย.51 จำเลยทั้งหมดได้ใช้อาวุธปืนเข้ายึดรถโดยสารประจำทางสาย 53 ของ ขสมก.บริเวณป้ายรถประจำทางประชาเกษม ถนนประชาธิปไตย โดยบังคับ พนง.ขับรถให้นำรถคันดังกล่าวไปยังพื้นที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณทำเนียบรัฐบาลก่อนที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง จะไปให้การช่วยเหลือ โดยใช้อาวุธปืนยิงยางรถและบุกเข้าไปจับกุมตัวจำเลยทั้ง 6 คนเอาไว้ได้ ทั้งนี้ศาลได้จำหน่ายคดีในส่วนของนายธานี อาจสว่าง จำเลยที่ 3 ออกจากสารบบเนื่องจากได้เสียชีวิตไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ผ่านมา
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานและคำเบิกความของทั้ง 2 ฝ่ายแล้วเห็นว่า พวกจำเลยได้บังคับผู้เสียหายที่เป็น พนง.ของ ขสมก.จริง จึงพิพากษาให้จำคุกในความผิดฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังและข่มขืนใจผู้อื่น คนละ 3 ปี ปรับในความผิดฐานพกพาอาวุธคนละ 100 บาท แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์กับการพิจารณาเห็นสมควรลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 2 ปี ปรับคนละ 66 บาท ส่วนข้อหาพกพาอาวุธปืนนั้น อาวุธปืนอยู่ในกระเป๋าสะพายของจำเลยที่ 3 จำเลยอื่นไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยจึงให้ยกฟ้องในความผิดดังกล่าว สำหรับจำเลยที่ 1 ให้ปรับในความผิดฐานพกพาวิทยุสื่อสารโดยไม่ได้รับอนุญาต 4,000 บาท รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือปรับจำเลยที่ 1 ในความผิดดังกล่าว 2,000 บาท