น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่ออันดับ 1 พรรคเพื่อไทย(พท.) ระบุ ไม่ทราบเรื่อง กรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 อาจไม่ใช่แคนดิเดตว่าที่นายกรัฐมนตรี โดยกล่าวว่าการเลือกตั้งเป็นเสียงของประชาชนที่จะมาตั้งรัฐบาลและเลือกรัฐมนตรี หากกรณีที่มีพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องหารือพรรคร่วมรัฐบาลอีกครั้ง ดังนั้นหน้าที่ของตนวันนี้คือเสนอตัวรับใช้ประชาชน และจะมีความชัดเจนอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ คือโคลนนิ่งทางการเมืองนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า มีโอกาสเรียนรู้ความคิดและวิสัยทัศน์มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งการทำงานทางการเมืองและติดตามการทำงานของ พ.ต.ท.ทักษิณ มาตลอดจึงเข้าใจแนวคิดและการทำงาน แต่การตัดสินใจนั้น จะขอเป็นคนตัดสินใจเอง
"โคลนนิ่งคือการเข้าใจและรับหลักคิดการบริหารธุรกิจจาก พ.ต.ท.ทักษิณ แต่การตัดสินใจนั้น จะตัดสินใจเอง" น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีจะขัดกับสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุไว้หรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่ พรรคเพื่อไทยเสนอตัวขึ้นมานั้นก็ต้องดูว่าพรรคจะได้จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ตามมารยาทหากพรรคชนะเลือกตั้งก็จะเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลและเชิญชวนพรรคอื่นมาร่วมรัฐบาล หากประชาชนให้ความไว้วางใจและได้เสียงเกินครึ่งก็จะเป็นหน้าที่ของพรรคที่จะเสนอชื่อผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ
ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยส่วนตัวแล้วพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวเพียงว่า แล้วแต่ประชาชน
ทั้งนี้หากได้เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงแล้ว แต่หากทหารไม่พอใจจนเกิดการปฏิวัติจะทำอย่างไรนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทุกคนคงไม่อยากเห็นภาพนั้น เพราะประเทศไทยบอบช้ำมามากแล้ว อยากเห็นการเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ยอมรับกติกา หน้าที่วันนี้คือเข้ามาทำหน้าที่ตามระบอบประชาธิปไตยคือการเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง
ด้านนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณให้สัมภาษณ์นั้น เป็นการพูดในฐานะพี่ชายหรือพ่อที่เป็นห่วงเป็นใยน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาว เพราะกลัวแรงเสียดทานทางการเมือง โดยเฉพาะครอบครัวชินวัตรเป็นเป้าหมายใหญ่ เป็นการพูดในช่วงก่อนที่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยและที่ประชุมใหญ่จะโหวตเลือกน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อพรรคมีมติแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณก็เข้าใจ ให้การสนับสนุนทางใจและปัญญาแก่น.ส.ยิ่งลักษณ์ในการตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยว ดังนั้นน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี 1 ล้านเปอร์เซ็นต์
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ขณะนี้ไม่เป็นห่วงอะไรแล้วหลังผ่านวันที่ 19 พ.ค.มาได้ คงเลี้ยงกระแสแบบนี้ไปเรื่อยๆ ไม่น่าจะมีอะไรมาสะดุดอีกแล้ว ทั้งนี้หากได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งก็คงต้องดึงพรรคการเมืองอื่นมาร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อความปรองดองสมานฉันท์ที่ถาวร โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญแบบยกเครื่องตามความต้องการของประชาชน โดยต้องได้เสียงส.ส.ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ในสภาผู้แทนราษฎร แต่คงไม่ถึง 370 เสียง โดยจะมีการทำประชามติก่อนแก้ไขและทำประชามติก่อนใช้รัฐธรรมูญ ประเทศไทยจะได้เดินหน้าต่อไปได้