นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตกรุงเทพฯ ทั้ง 33 คน โดยขอโอกาสให้แก่ผู้สมัคร พร้อมยอมรับว่าในพื้นที่กรุงเทพฯ ถือเป็นพื้นที่ที่สำคัญที่จะสามารถชี้ขาดผลการเลือกตั้งได้
"สนามกรุงเทพฯ อาจจะเป็นสนามชี้ขาดว่าใครจะชนะ แต่ที่มีการประเมินกันระหว่าง 2 พรรคใหญ่อาจจะห่างไม่กี่คะแนน แต่สนามนี้ถือว่าสำคัญมาก หากใครชนะการเลือกตั้งก็อาจจะเป็นผู้ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ทั้งนี้ พื้นที่กทม.ถือเป็นพื้นที่สำคัญของพรรคประชาธิปัตย์ และการเลือกตั้งแต่ละครั้งอาจได้จำนวน ส.ส.ที่มากหรือน้อยแตกต่างกันไป แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เคยล้มหายตายจากไปจากกรุงเทพฯ โดยเปรียบเทียบการเลือกตั้งสมัยหนึ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.ในกรุงเทพฯ เพียงที่นั่งเดียว คือ ตนเอง
ส่วนผลโพลล์และสถิติที่สำรวจที่ออกมาว่าในเขตกรุงเทพฯ ทั้งพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยยังมีโอกาสใกล้เคียงกันนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯ รอบในนั้น คะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ดูเหมือนจะนำพรรคเพื่อไทย แต่พื้นที่กรุงเทพฯ รอบนอกนั้น ยอมรับว่ายังเป็นรองพรรคเพื่อไทย แต่ยืนยันว่าผู้สมัครของพรรคทุกคนจะต้องทำงานหนัก เพราะผลคะแนนที่ออกมาแม้จะต่างกันแค่ 1 คะแนนก็ย่อมส่งผลต่อ ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อด้วย
ส่วนการลงพื้นที่อื่นๆ นั้น นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่าทุกคะแนนเสียงล้วนแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น โดยคาดว่าจะลงพื้นที่หาเสียงในภาคอีสานวันที่ 28 พ.ค.นี้ พร้อมทั้งมั่นใจว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ที่นั่ง ส.ส.เพิ่มขึ้นแน่นอน โดยดูจากนโยบายที่รัฐบาลทำมาตลอด 2 ปี เพราะค่อนข้างมั่นใจว่าเฉพาะโครงการประกันรายได้ ยังมีประชาชนต้องการให้สานต่อมากกว่าที่จะยกเลิกโครงการนี้ รวมถึงส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานจำนวนหนึ่งจากพรรคอื่นที่ย้ายเข้ามาพรรคประชาธิปัตย์
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธว่า ไม่ได้มีการแบ่งพื้นที่กับพรรคภูมิใจไทยในการแข่งขันการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะแต่ละพรรคต่างทำหน้าที่ของตนเอง และหวังว่าจะไม่มีปัญหาเกิดขึ้นในการลงพื้นที่ภาคอีสาน ขณะเดียวกันยังไม่เข้าใจการสื่อสารของพรรคเพื่อไทยที่ระบุว่า ไม่คิดแก้แค้น แต่คิดจะแก้ไข โดยไม่ทราบว่าเรื่องแก้แค้นของพรรคเพื่อไทยหมายถึงเรื่องอะไร เพราะที่ผ่านมา แต่ละพรรคการเมืองก็ไม่ได้มีการนำเสนอเรื่องการแก้แค้นแต่อย่างใด โดยยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่มีการโกงการเลือกตั้งแน่นอน
"ผมไม่ค่อยเข้าใจว่าจะไปแค้นอะไร เรื่องอะไร สำหรับผมและแต่ละพรรคก็ไม่ได้พูดเรื่องแก้แค้น เห็นมีเพียงแต่พรรคเดียวที่พูดถึงเรื่องการแก้แค้น...เลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีโกง บอกท่าน(พ.ต.ท.ทักษิณ)ได้เลย เลือกตั้งคราวนี้ไม่เหมือนปี 48" นายอภิสิทธิ์ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวโดยอ้างคำพูดของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่คิดจะแก้แค้น ถ้าหากไม่มีการโกง
นายอภิสิทธิ์ ยังระบุถึงนโยบายสำคัญที่พรรคประชาธิปัตย์จะเร่งสานต่อทันทีหากได้กลับมาเป็นรัฐบาล คือ นโยบายเรื่องค่าครองชีพ และการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งในส่วนของราคาสินค้าที่ยังอยู่ในระดับสูงนั้น จะเดินหน้าควบคุมราคาสินค้าให้ปรับลดลงตามความเหมาะสม ทั้งราคาไข่ไก่, สุกร และไก่ ขณะที่โครงการสินเชื่อบ้านหลังแรกนั้น หากได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้งจะเพิ่มวงเงินให้อีก 25,000 ล้านบาท
ส่วนปัญหาด้านการจราจรนั้น พรรคประชาธิปัตย์เสนอว่า หากได้เป็นรัฐบาลจะเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมทั้งทางรถไฟ, รถโดยสารประจำทาง และทางเรือ โดยจะให้สิทธิพิเศษแก่เด็ก ผู้สูงอายุ และคนพิการได้ใช้บริการรถโดยสารประจำทางฟรี พร้อมทั้งเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมกับจังหวัดต่างๆ