ตัวแทนจาก 5 พรรคการเมืองร่วมแสดงวิสัยทัศน์นโยบายด้านเศรษฐกิจในช่วง 90 วันแรกหากได้เป็นรัฐบาล ซึ่งจัดขึ้นโดยสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า)
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย(พท.) กล่าวว่า พรรคฯ มีนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการในเรื่องการสร้างเครดิตให้แก่เกษตรกร ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันที และในวันพรุ่งนี้(28 พ.ค.) จะเปิดตัวนโยบายบัตรเครดิตพลังงานเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการรถรับจ้าง ทั้งรถแท็กซี่ รถสามล้อ และรถตู้ โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 จะแถลงรายละเอียดบนเวทีปราศรัยที่สวนลุมพินี
ส่วนโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรที่มีอยู่ในขณะนี้จะปรับเปลี่ยนกลับไปเป็นการรับจำนำสินค้าเกษตร และดำเนินโครงการชลประทานระบบท่อในพื้นที่ 25 ลุ่มน้ำ เพื่อเพิ่มความถี่ในการปลูกข้าวจากปีละ 1-2 ครั้ง เป็นปีละ 3-4 ครั้ง
พร้อมกันนี้ยังมีนโยบายที่จะก่อสร้างรถไฟฟ้าจำนวน 20 สาย โดยคิดค่าโดยสารราคาเดียว 20 บาท, การลดภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% ภายในปี 2556, การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำให้ได้วันละ 300 บาท, การกำหนดให้ผู้ที่เพิ่งจบการศึกษาระดับบปริญญาได้รับเงินเดือนขั้นต่ำ 15,000 บาท, การแจกแท็บเล็ตคอมพิวเตอร์ให้กับนักเรียนทั่วประเทศ, การพักหนี้ที่ต่ำกว่า 5 แสนบาทให้กับประชาชนเป็นเวลา 3 ปี หากมีหนี้ 5 แสนบาทถึง 1 ล้านบาทจะเข้าไปช่วยปรับโครงสร้างหนี้, การเพิ่มวงเงินกองทุนหมู่บ้านจาก 1 ล้านบาท เป็น 2 ล้านบาท, การจัดตั้งกองทุนตั้งตัวสำหรับผู้จบการศึกษาใหม่เพื่อใช้ลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว และการฟื้นฟูโครงการสินค้าโอทอป
ด้านนายกรณ์ จาติกวณิช ตัวแทนจากพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวว่า นโยบายของพรรคฯ เป็นการสานต่องานที่ดำเนินการไปแล้ว ได้แก่ นโยบายเพิ่มรายได้ของเกษตรกร โดยจะแก้ปัญหาความเสี่ยงของเกษตรกรให้ครอบคลุมทุกเรื่อง เริ่มจากเดินหน้าโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร ซึ่งจะเพิ่มวงเงินชดเชยส่วนต่างจากเดิม 40% เป็น 50%, การแก้ปัญหาเรื่องปุ๋ย, การทำประกันภัยนาข้าวล่ม,
การเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำจากปัจจุบันอีก 25% ภายในเวลา 2 ปี, โครงการสินเชื่อบ้านหลังแรกคิดดอกเบี้ย 0% ช่วง 2 ปีแรก เฟสสอง จำนวน 2.5 หมื่นล้านบาท, การปรับโครงสร้างหนี้ให้กับประชาชนที่ลงทะเบียนไว้จากหนี้นอกระบบมาเป็นหนี้ในระบบ โดยจะเริ่มได้ภายในวันที่ 1 ส.ค.54, การพักหนี้บัตรเครดิต-บัตรกดเงินสด,
การจัดสรรงบลงทุนพัฒนาระบบน้ำจำนวน 1.7 ล้านล้านบาท, การผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการปฏิรูปเศรษฐกิจ, ธนาคารที่ดิน, ภาษีมรดก, การก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง, การปฏิรูปการจัดเก็บภาษีให้สอดคล้องกับรายได้และค่าใช้จ่าย, การดูแลราคาน้ำมันดีเซล
ขณะที่นายกรพจน์ อัศวินวิจิตร ทีมเศรษฐกิจพรรคชาติพัมนาเพื่อแผ่นดิน กล่าวว่า พรรคฯ มีนโยบายที่จะยกเว้นการเก็บภาษีสำหรับผู้ที่เข้าตลาดแรงงานใหม่ในช่วง 5 ปีแรก, เพิ่มเบี้ยยังชีพคนชราและคนพิการเป็น 1 พันบาท/เดือน, ปรับปรุงการรักษาพยาบาลให้สามารถใช้บริการจากโรงพยาบาลทุกแห่งทั่วประเทศ, เพิ่มทางเลือกให้เกษตรกรสามารถเข้าร่วมโครงการได้ทั้งการรับจำนำสินค้าเกษตรและการประกันราคาสินค้าเกษตร,
การตรึงราคาน้ำมันดีเซลไม่เกินลิตรละ 30 บาท และเบนซินไม่เกินลิตรละ 35 บาท, การเพิ่มวงเงินสินเชื่อไม่เกิน 1 ล้านบาทให้กับภาคการผลิต โดยคิดดอกเบี้ย 0% ในช่วง 3 ปีแรก, การเพิ่มค่าแรงขึ้นต่ำเป็นวันละ 350 บาท ภายในเวลา 3 ปี
ส่วนนายสรยุทธ์ เพ็ชรตระกูล ทีมเศรษฐกิจพรรคภูมิใจไทย(ภท.) กล่าวว่า นโยบายของพรรคฯ เน้นการสร้างรายได้ให้กับประชาชนเป็นหลัก โดยจะเพิ่มการประกันราคาข้าวเป็นตันละ 2 หมื่นบาทล การแจกพันธุ์ข้าวคุณภาพดี, การปล่อยสินเชื่อให้แก่เกษตรกรจำนวน 3 แสนล้านบาท, การสร้างที่ทำกินให้กับประชาชน 1 ล้านคน, การปรับลดภาษีมูลค่าเพิ่มจาก 7% เหลือ 5%,
เดินหน้าโครงการรถไฟรางคู่, โครงการถนนปลอดฝุ่น, ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน
และนายเกษมสันต์ วีรกุล ทีมเศรษฐกิจพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) กล่าวว่า พรรคฯ จะประกาศแผนปรองดองแห่งชาติ เพราะเชื่อว่าหากมีความปรองดองเกิดขึ้นจะมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ โดยให้คณะรัฐมนตรีประกาศหยุดโกงสักปีครึ่ง แล้วจัดสรรงบประมาณให้ ป.ป.ช.ราว 1 หมื่นล้านบาท เพื่อตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล, การกำหนดยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ, การจัดตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อรองรับการแข่งขันในภูมิภาคอาเซียน,
การจัดสรรงบลงทุนเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำ 1.7 ล้านล้านบาท, การปรับโครงสร้างภาษีทั้งระบบให้เกิดความเป็นธรรม, ก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมโยงกรุงเทพฯ กับหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ, สร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อการท่องเที่ยว เช่น จ.ภูเก็ต สมุย เป็นต้น