โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ชี้รัฐบาลผิดพลาดอย่างมหันต์ที่ไม่ยอมปฏิเสธอำนาจในการพิจารณาคดีของศาลโลก ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยตกอยู่ในภาวะเสี่ยง ไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลโลกที่ออกมาจะเป็นคุณหรือเป็นโทษก็ตาม
"การที่นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต เลขานุการรัฐมนตรีต่างประเทศ ระบุภายหลังการชี้แจงทั้ง 2 วันว่าฝ่ายไทยได้ทำหน้าที่ดีที่สุดแล้วที่เหลือขึ้นอยู่กับคำตัดสินของศาลโลกนั้นถือเป็นทัศนคติที่อันตรายอย่างยิ่งในการยอมรับอำนาจของศาลโลก เช่นเดียวกับที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะมีข่าวดี" นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าว
การที่นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าคณะผู้เจรจามรดกโลกฝ่ายไทย ได้เตรียมประสานงานเพื่อร่างญัตติขอเลื่อนการพิจารณาแผนบริหารจัดการมรดกโลกปราสาทพระวิหารออกไปนั้น นายปานเทพ กล่าวว่า ประเด็นนี้ไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหา เพราะอย่าลืมว่าคณะกรรมการมรดกโลกได้มีมติอนุมัติให้ปราสาทพระวิหารและพื้นที่รอบๆ เป็นมรดกโลกไปแล้ว เหลือเพียงขั้นตอนการพิจารณาแผนบริหารจัดการ หากรัฐบาลเดินหน้าให้เลื่อนการพิจารณาออกไปก็ไม่ต่างจากการโยนภาระให้แก่รัฐบาลชุดต่อไป
"(รัฐบาลใหม่) หากมาจากพรรคเพื่อไทยที่เคยมีส่วนในการสนับสนุนกัมพูชาในการขึ้นทะเบียนมรดกโลก จึงมีโอกาสที่รัฐบาลชุดหน้าจะต่อยอดสนับสนุนกัมพูชาให้ขึ้นทะเบียนได้สำเร็จ โดยที่รัฐบาลนี้ไม่ได้พยายามยับยั้งขัดขวางไว้เลย" นายปานเทพ กล่าว
ด้านนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักร กล่าวว่า การที่รัฐบาลไทยแต่งตั้งทนายชาวต่างชาติ 3 คน และยอมเข้าสู่กระบวนการของศาลโลก ถือว่าเป็นการยอมรับอำนาจของศาลโลกไปแล้ว ทั้งที่ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในฐานะที่ต้องยอมรับอำนาจของศาลโลกมาเป็นเวลานาน แต่รัฐบาลนี้กลับยอมรับ หลังจากกัมพูชาไปยื่นคำร้องถือเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลอีกครั้ง เพราะการเข้าสู่กระบวนการทำให้ไทยเสียเปรียบไปโดยปริยาย
"ในความเป็นจริงศาลโลกไม่มีอำนาจหยิบยกคดีนี้ขึ้นมาพิจารณาอีก เนื่องจากการวินิจฉัยได้สิ้นสุดไปแล้ว แต่ประเทศมหาอำนาจที่ครอบงำศาลโลกอยู่มีการจับมือสมคบกับฝ่ายกัมพูชา อาศัยลูกมั่วนำคดีขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่ามีการฮั้วกันระหว่างศาลกับกัมพูชา เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วไทยก็ยิ่งไม่ควรเข้าไปร่วมด้วย รัฐบาลกลับโง่ซ้ำซากเล่นไปตามเกมของกัมพูชา" นายประพันธ์ กล่าว