กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกาศยุติการชุมนุมในวันที่ 29 มิ.ย.นี้ หลังรู้ผลการประชุมของคณะกรรมการมรดกโลกเรื่องแผนบริหารจัดการปราสาทพระวิหาร หลังปักหลักชุมนุมต่อเนื่องบนถนนราชดำเนินนอก ตั้งแต่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ไปถึงแยกมิกสกวัน และถนนพิษณุโลกจากแยกมิกสกวันถึงสะพานชมัยมรุเชษฐ์ มาตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.54
"คณะกรรมการฯ มีมติมาก่อนหน้านี้ว่าจะอยู่ชุมนุมจนกว่าจะทราบผลการพิจารณาแผนบริหารจัดการมรดกโลกปราสาทพระวิหาร ของคณะกรรมการมรดกโลก ในวันที่ 26-29 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะต้องออกมาทางใดทางหนึ่ง และถือว่าภาคประชาชนได้ทำหน้าที่จนสุดทาง สมบูรณ์แล้ว และเราจะยุติการชุมนุม หากผลออกมาเป็นประโยชน์กับฝ่ายไทยก็ถือว่าการทำภารกิจของภาคประชาชนครบถ้วนสมบูรณ์เป็นประโยชน์กับประเทศ แต่หากผลที่ออกมาเป็นผลร้ายต่อประเทศก็เชื่อว่าในการเลือกตั้งวันที่ 3 กรกฎาคมนั้น ประชาชนจะออกมาร่วมใช้สิทธิ์ในการลงคะแนนโหวตโนร่วมกับเราเป็นจำนวนมาก เพื่อเรียกร้องการปฏิรูปการเมือง" นายปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าว
กลุ่มพันธมิตรฯ นำโดย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ออกมาปักหลักชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เกี่ยวกับปัญหาปราสาทพระวิหาร ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.54 โดยก่อนหน้านั้นเครือข่ายคนไทยหัวใจรักชาตินำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ซึ่งขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำในประเทศกัมพูชา ได้นำกลุ่มผู้ชุมนุมมาปักหลักชุมนุมบนถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกมิกสกวันจนถึงสะพานชมัยมรุเชษฐ์
โฆษกกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า แรงจูงใจที่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงอยู่ในตอนนี้ เพราะคิดว่าที่ผ่านมาการเคลื่อนไหวของเรามีผลต่อการตัดสินใจของรัฐบาลมาแล้ว ในกรณีร่างการประชุมเจบีซี หรือการโต้แย้งในศาลโลก จึงเห็นว่าลักษณะที่กดดันอยู่อย่างนี้เป็นการสร้างอำนาจต่อรองของประชาชนในการกดดันรัฐบาลให้ดำเนินการให้มีความรอบคอบในการรักษาอธิปไตยของชาติมากขึ้น จึงต้องอยู่จนถึงการประชุมมรดกโลก
"เมื่อผลออกมาอย่างไรก็เหมือนระฆังหมดยกแล้วไม่จำเป็นต้องไปกดดัน หลังจากนั้นแล้วถือว่าเป็นการพักยกเพื่อไปรณรงค์โหวตโนให้มากขึ้น" นายปานเทพ กล่าว
ส่วนการที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ แกนนำกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง ออกมารณรงค์โหวตเยสสวนทางกับกลุ่มพันธมิตรฯ นายปานเทพ กล่าวว่า คนเสื้อแดงต้องการให้ประชาชนไปลงคะแนนเสียงและเลือกพรรคการเมืองที่ชื่นชอบให้มากที่สุด โดยมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับชัยชนะ จึงต้องการให้ประชาชนที่ร่วมกันโหวตโนน้อยลง เพื่อเดินหน้าในการแก้ไขกฎหมายหรือนิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ง่ายขึ้น เนื่องจากนายสมบัติรู้ดีว่าหลังการเลือกตั้ง พลังอำนาจต่อรองของประชาชนที่มาจากการโหวตโนนั้นสำคัญอย่างยิ่ง ที่จะสามารถคานอำนาจกับระบอบทักษิณได้
"ถึงวันนั้นจะไม่มีพรรคการเมืองใดสามารถไปต่อกรกับพรรคเพื่อไทยในระบบรัฐสภาได้ คงเหลือแต่พลังของประชาชนที่มาจากการกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเท่านั้นที่จะมีอำนาจต่อรองที่สูงมากไม่แพ้ในระบบรัฐสภา บางทีหากมีการโหวตโนมากๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมีชุมนุมด้วยซ้ำไป" นายปานเทพ กล่าว