นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มนปช. กล่าวว่า สังเกตท่าทีของแกนนำและลูกพรรคประชาธิปัตย์ที่พูดตรงกันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ว่าผลออกมาแบบใด พรรคประชาธิปัตย์จะพ่ายแพ้พรรคเพื่อไทยอีกครั้งหรือไม่ ก็จะจัดตั้งรัฐบาลให้ได้นั้น การตั้งรัฐบาลในระบบรัฐสภาจริงอยู่ที่พรรคลำดับที่ 1 หากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ก็ให้พรรคลำดับที่ 2 และ 3 ตั้งรัฐบาลได้เราเข้าใจและยอมรับในสิ่งนี้
แต่ปัญหาคือ จุดเริ่มต้นวิกฤตของประเทศไทยคือการไม่รับฟังเจตนารมณ์ของประชาชน แต่เวลานี้กลายเป็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศจะตั้งรัฐบาลแข่งตั้งแต่ยังไม่เลือกตั้งโดยไม่สนใจผลการเลือกตั้งว่าจะออกมาอย่างไร
ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์พูดตลอดเวลาว่าถ้าพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.เกินครึ่งก็จะให้ตั้งรัฐบาลไปเลย แต่ไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าต้องได้ส.ส. 250 คนขึ้นไป หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่ให้ หรือมีใครมาขัดขวาง เ ราก็เป็นรัฐบาลอยู่ดี เพราะประชาชนให้ฉันทานุมัติ ซึ่งถ้าบางพรรคไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ ไม่ยอมรับฟังเสียงประชาชนอีก แล้วเราจะออกจากวิกฤตร่วมกันได้อย่างไร
"อยากให้พรรคประชาธิปัตย์พิจารณาคำว่ารู้แพ้รู้ชนะ มารยาททางการเมือง และการยอมรับเจตนารมณ์ของประชาชนดูบ้าง เพราะไม่อย่างนั้นแล้วหลังการเลือกตั้งบ้านเมืองจะเดินต่อไปอย่างไร ถ้าไม่ฟังประชาชน ไม่สนมารยาท ถึงจะแพ้ทั้งชาติก็จะตั้งรัฐบาล ถ้าเป็นอยู่แบบนี้ไม่แน่ใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มันจะมีประโยชน์อย่างไร"นายณัฐวุฒิ กล่าว