"อภิสิทธิ์"ย้ำ ปชป.จับมือ พท.ตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องยากเหตุนโยบายต่างกัน

ข่าวการเมือง Monday June 6, 2011 12:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ย้ำเป็นเรื่องยากที่ ปชป.จะจับมือกับพรรคเพื่อไทย(พท.) ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากมีแนวนโยบายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แต่อยากให้ทุกคนรอดูผลการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้ก่อน

"สมมุติถ้าไปร่วมรัฐบาลด้วยกันแล้วมายกเลิกการประกันรายได้(สินค้าเกษตร) ผมก็ไม่ยอม หรือออกกฎหมายที่ขัดกับหลักนิติรัฐ ผมก็ไม่ยอม ถ้าอย่างนั้นผมยอมเป็นฝ่ายค้าน เพราะนโยบายแตกต่างโดยสิ้นเชิง" นายอภิสิทธิ์ กล่าว

หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวว่า ขอให้ทุกคนรอดูผลการตัดสินใจเลือกตั้งของประชาชนในวันที่ 3 ก.ค.นี้ก่อนที่จะไปพูดอะไรไปล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลโดยพรรคการเมืองขั้วที่สามซึ่งเป็นพรรคขนาดกลางและเล็กจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล เพราะตามมารยาททางการเมืองต้องให้โอกาสพรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่หากไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลจึงจะเป็นสิทธิ์ของพรรคการเมืองอันดับสอง แต่คงเป็นไปไม่ได้ที่จะให้พรรคการเมืองที่ได้รับเลือกตั้งเป็นอันดับลดหลั่นลงมาเป็นตัวแปรในการยื่นเงื่อนไขต่อรองการเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล

หัวหน้าพรรค ปชป.ยอมรับว่า การร่วมงานกับพรรคร่วมรัฐบาลที่ผ่านมามีแรงกดดันในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ไม่รู้ว่าหลังการเลือกตั้งแล้วจะมีการหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขต่อรองในการเข้าร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีแรงกดดันเกิดขึ้นบ้างเพราะมีความเห็นต่างกันแต่ก็สามารถตกลงร่วมกันได้

ส่วนกรณีที่ตนเองทำบันทึกจากใจส่งถึงคนไทยทั้งประเทศเผยแพร่ทางเว็ลบไซต์เฟซบุ๊คนั้น เป็นการชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ ทางการเมือง หลังจากมีความพยายามที่จะบิดเบือนข้อเท็จจริง เพื่อให้ประชาชนได้เข้าใจและรับรู้ข้อเท็จจริง

หัวหน้าพรรค ปชป.กล่าวถึงการลงพื้นที่เขตดอนเมืองเพื่อช่วยผู้สมัครหาเสียงเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า ตนเองหวังว่าประชาชนในพื้นที่จะให้การตอบรับและตัดสินว่าจะให้โอกาสกับผู้สมัครของพรรคหรือไม่ เพราะคนที่พรรคนำเสนอเป็นสิ่งที่แตกต่างไปจากเดิม และหากชาวดอนเมืองต้องการคนที่เป็นหน้าเป็นตาก็ขอให้เลือกผู้สมัครของพรรค


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ