นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง ในฐานะเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ปฏิเสธไม่ทราบข่าวที่ตำรวจนครบาลออกมาระบุว่าได้รับแจ้งจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบมากกว่าหมื่นล้านบาท โดยไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกับการนำไปซื้อเสียงช่วงเลือกตั้งหรือไม่
ทั้งนี้มองว่าหากใครก็ตามที่ถอนเงินเกิน 2 ล้านบาท ควรจะต้องมีการตรวจสอบว่านำไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ทั้งนี้ตนจะไปสอบถามข้อมูลเรื่องดังกล่าวจากฝ่ายตำรวจด้วย
"ผมยังไม่เห็นรายงาน แต่ข่าวอย่างนี้ก็มาเรื่อยๆ ต้องไปดูว่าหลักฐานเป็นอย่างไร...ปกติธนาคารแห่งประเทศไทยต้องสั่งไปที่ธนาคารพาณิชย์ ว่าหากมีการถอนเงินเกิน 2 ล้าน ก็ต้องรายงาน" นายสุเทพ กล่าว
ส่วนกรณีที่นายบรรหาร ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา(ชทพ.) ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะสร้างละครเรื่อง "ปรองดองคล้องใจ" โดยให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย เป็นพระเอกนางเอกคู่กัน จะถือเป็นการหวังผลให้ 2 พรรคใหญ่จับมือจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันหรือไม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ในเมื่อนายบรรหาร บอกว่าจะสร้างละคร ก็อยากให้มองว่าเป็นเพียงละครเท่านั้น เพราะเรื่องจริงทางการเมืองหลังจากการเลือกตั้งต้องมีนายกรัฐมนตรีได้เพียงคนเดียวอยู่แล้ว
ส่วนจะพูดเพื่อหวังผลการปรองดองหรือไม่นั้น มองว่าแต่ละพรรคมีมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามแก้ไขปัญหาบ้านเมืองด้วยความอดทนอดกลั้นมาโดยตลอด สิ่งที่ทำคือการรักษากฎหมาย แต่วันนี้ยังมีบางส่วนเผาบ้านเผาเมือง ซึ่งคนที่ทำผิดจะต้องได้รับโทษตามกฎหมายคงไม่สามารถใช้กฎหมู่เหนือกฎหมายได้ ส่วนที่ยังไม่สามารถดำเนินคดีได้นั้น เป็นเพราะแกนนำที่เคลื่อนไหวได้อาศัยคราบนักการเมือง หรือบางคนมาลงสมัคร ส.ส.เพื่อประวิงเวลาการตัดสินของศาล
สำหรับกรณีที่นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ(คตส.) ในฐานะผู้ก่อตั้งเครือข่ายพลเมืองคัดค้านนิรโทษกรรมคอรัปชั่นทักษิณ(คนท.) เดินหน้ายื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ในกรณีความเกี่ยวโยงกับคดีการซุกหุ้นชินคอร์ป ซึ่งหากมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงจะทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายขึ้นหรือไม่นั้น นายสุเทพ มองว่า เรื่องนี้คงไม่สามารถไปตอบแทนได้ เพราะต้องเป็นเรื่องที่รอการพิสูจน์ในวันข้างหน้า และย้ำว่าเมื่อนายอภิสิทธิ์ ได้ประกาศยุบสภา และมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้วทุกอย่างควรจะจบ
ส่วนเรื่องที่นายอภิสิทธิ์ เปิดใจผ่าน facebook นั้น นายสุเทพ เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลต่อคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์ที่จะเพิ่มขึ้นหรือลดลง แต่เข้าใจว่าเป็นเพียงการชี้แจงข้อเท็จจริง และโดยส่วนตัวยังไม่ได้อ่าน แต่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีคงจะเขียนด้วยตัวเอง
ส่วนประเด็นที่พูดว่าไม่เคยตกลงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 กับนายบรรหารนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีปัญหาคลางแคลงใจกัน แม้บางเรื่องอาจจะเกิดความเห็นไม่ตรงกันบ้างแต่ได้พยายามทำความเข้าใจกันมาโดยตลอด
รองนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงกรณีที่สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาออกมาปฏิเสธการเจรจากับฝ่ายไทยว่า รัฐบาลคงต้องเดินหน้าเจรจาต่อไป ไม่ว่าวันใดก็วันหนึ่ง ซึ่งกระบวนการขณะนี้ส่วนหนึ่งอยู่ระหว่างการต่อสู้ในศาลโลก และคงต้องติดตามว่าผลจะออกมาอย่างไร พร้อมย้ำว่ารัฐบาลมีความตั้งใจพูดคุยและหาทางออกอย่างสันติวิธี