นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ฝาก 3 ประเด็นให้รัฐบาลใหม่พัฒนาเศรษฐกิจไทยที่หยุดชะงักต่อเนื่องจากความวุ่นวายทางการเมือง ทั้งด้านการดูแลสถานการณ์ราคาอาหาร-พลังงาน, การเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน และการส่งเสริมให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้าลงทุนในไทย ทิ้งท้ายอยากเห็นการเมืองไทยเป็นแบบรัฐบุรุษ ไม่ใช่การเมืองแบบศรีธนญชัย เพื่อให้ประเทศไทยมีความหวัง
นายสมคิด ได้กล่าวในหัวข้อ"นโยบายเศรษฐกิจ เข็มทิศประเทศไทย"ว่า การจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้งมีประเด็นฝากให้รัฐบาลใหม่พัฒนาเศรษฐกิจหลังการเติบโตหยุดชะงักมา 3-4 ปี ภายหลังความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศ โดยเรื่องที่ให้ความสำคัญ ประกอบด้วย 1.สถานการณ์ราคาอาหารและพลังงานที่มีแนวโน้มราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะธัญพืชราคาจะสูงกว่า 100% ทั้งจากดีมานด์และซัพพลาย ซึ่งควรผลักดันให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเกษตรและการพัฒนาคุณภาพสินค้าเกษตรเพื่อรองรับอนาคต
ทั้งนี้ต้องดำเนินการพัฒนาสาธารณูปโภคและแหล่งน้ำควบคู่กันไป เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านการผลิตเหมือนเช่นที่ผ่านมา รวมถึงต้องมการวิจัยพัฒนาและสร้างมูลค่าเพิ่มของสินค้า และต้องคำนึงถึงการใช้พืชในการทำพลังงานทดแทน เพราะที่ผ่านมาเกิดปัญหาการขาดแคลนปาล์มซึ่งรัฐบาลควรมีการจัดสรรที่ดีและเหมาะสม
2. ควรเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันการพัฒนาและวิจัยสินค้า ชดเชยการแข่งขันด้านแรงงานที่ประเทศไทยเคยได้เปรียบเรื่องค่าแรงที่ถูกกว่าประเทศอื่นๆ โดยอาศัยนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วยพัฒนา
"รัฐบาลใหม่ต้องกล้าทำ เพราะที่ผ่านมาไม่มีใครกล้าแตะรัฐวิสาหกิจ โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการ 3จี ยังไม่เกิดแสดงถึงศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ รวมถึงการวางรากฐานแล้วเราลงทุน ผมเชื่อว่ารากเหง้าการเหลื่อมล้ำของประเทศเกิดจากการปกครองที่รวมศูนย์อำนาจ"นายสมคิด กล่าว
สำหรับการลงทุนในต่างประเทศต้องผลักดันการค้าร่วมกับ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ที่เป็นมหาอำนาจในเอเชีย ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยละเลยการผูกมิตรกับประเทศมหาอำนาจอย่าง จีน เพราะอาเซียนเป็นกลุ่มประเทศที่มีผู้ต้องการเข้ามาลงทุนจำนวนมาก รัฐบาลใหม่จึงควรจูงใจให้ต่างชาติเลือกประเทศไทยเป็นฐานการลงทุน ส่งเสริมการลงทุน และแก้ปัญหาเรื่องนโยบายทีทเป็ฯอุปสรรค เช่น กรณีมาบตาพุดที่ยังคงไม่สามารถแก้ปัญหาได้
นายสมคิด กล่าวว่า การเปลี่ยนรูปแบบกลไกการบริหารการปกครอง เพราะถึงเวลาแล้วที่จะต้องเปลี่ยนเพื่อให้เกิดการพัฒนา การตัดสินใจใหญ่ๆ กำลังรอรัฐบาลใหม่ สถานการณ์ของประเทศอยู่ในจุดพลิกผัน ประเทศต้องการรัฐบาลที่มีจุดยืนนโยบาย ต้องใช้ความกล้าหาญ จริงจังจริงใจ อย่าใช้ประโยชน์จากความไม่รู้ของประชาชน เราต้องทำเพื่อเขา จุดการเปลี่ยนแปลงความคิด จุดยืนนโยบายเพื่อสร้างรากฐานในอนาคตข้างหน้า
"ไม่ว่าพรรคไหนจะเป็นรัฐบาล แต่ต้องรู้ว่าประเทศไทยจะเดินไปอย่างไร ไม่ใช่แค่ตั้งคนที่สั่งได้มาเป็นรัฐมนตรี เราไม่ต้องการการเมืองศรีธนญชัย เราต้องการการเมืองแบบรัฐบุรุษ ประเทศไทยจะได้มีความหวังขึ้นบ้าง"นายสมคิด กล่าว