พรรคเพื่อไทย ประกาศนโยบายหาเสียงผ่านเฟซบุ๊คไปยังกลุ่ม Social network ชูนโยบายใหม่ภายใต้คอนเส็ปต์"ให้คนไทยตั้งตัวได้อย่างมีศักดิ์ศรี" ด้วยการลดภาษีรายได้นิติบุคคคล เป็น 23% จาก 30% ในปี 55 และเหลือ 20% ในปี 56 พร้อมคงภาษีมูลค่าเพิ่มที่ 7% มุ่งสร้างหลักประกันรายได้ให้บัณฑิตจบใหม่มีเงินเดือนเริ่มต้น 15,000 บาท และผู้ใช้แรงงาน 300 บาท/วัน
คืนภาษีและเพิ่มค่าลดหย่อนให้กับผู้ซื้อบ้านหลังแรก เช่นภาษีค่าโอน เพิ่มค่าลดหย่อนเป็น 5 แสนบาท โดยดูราคาบ้านที่เหมาะสม และคืนภาษีให้กับผู้ซื้อรถคันแรก โดยจะต้องถือครองไม่น้อยกว่า 5 ปีและราคารถไม่เกิน 1 ล้านบาท
นโยบายกองทุนตั้งตัวได้ สำหรับคนไทย 2 กลุ่ม คือ กลุ่มนิสิต นักศึกษาและอาจารย์ จัดงบกองทุนเริ่มต้นที่ 1 พันล้านบาท เพื่อเป็นทุนตั้งต้นให้กู้ไปใช้ได้ และ กลุ่มประชาชนทั่วไป จะจัดตั้งกองทุนร่วมทุนทุกจังหวัดเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งทุนได้
พักหนี้ภาคครัวเรือนที่ต่ำกว่า 5 แสนบาท อย่างน้อย 3 ปี และสำหรับผู้ที่เป็นหนี้เกิน 5 แสนบาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาทจะมีการปรับโครงสร้างหนี้เพื่อให้สามารถทำมาหากินได้
เครดิตการ์ดพลังงาน เพื่อเติมน้ำมันหรือก๊าซ LPG สำหรับแท็กซี่ สามล้อ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แต่ต้องชำระครบทุกเดือน ซึ่งจะได้ส่วนลดจากการใช้บัตรด้วย และคิดใหม่ทำใหม่เพื่อเกษตรให้มีบัตรเครดิตเพื่อใช้ซื้อปัจจัยการผลิต โดยกำหนดวงเงินสินเชื่อสำหรับซื้อเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง น้ำมัน และค่าใช้จ่ายอื่น โดยใช้ผลผลิตเป็นหลักประกันกู้ได้ในวงเงินไม่เกิน 70% ของราคาประกัน
รับจำนำข้าวเปลือกแทนการประกันราคา ข้าวเปลือกเจ้าเกวียนละ 15,000 บาท และ ข้ามหอมมะลิเกวียนละ 20,000 บาท
นโยบายลงทุนขนาดใหญ่เพื่ออนาคตประเทศไทย ได้แก่ ระบบป้องกันน้ำท่วมกทม.และภาคกลาง จัดทำเขื่อนกั้นน้ำทะเลห่างฝั่ง 10 กม.ยาว 30 กม. ถมที่ทะเลที่เสื่อมโทรม 2 แสนไร่ สร้างศูนย์ไอที ศูนย์กลางการเงินของเอเชีย การประมง ท่องเที่ยว แหล่งอุตสาหกรรมที่ไม่ก่อมลพิษ และชักชวนนักลงทุนต่างชาติมาสร้างตึกที่สูงที่สุดในโลก โดยไม่ต้องกู้เงิน
พัฒนาระบบน้ำทั้งประเทศ ปรับปรุงลุ่มน้ำทั้ง 25 ลุ่มน้ำ ดึงน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน เชื่อแม่น้ำด้วยคลองใหม่,สร้างระบบรถไฟฟ้า 10 สายในกทม.เก็บค่าบริการ 20 บาทตลอดสาย พัฒนาขยายระบบรางทั้งประเทศ ทำรถไฟรางคู่เชื่อมชานเมือง ทำรถไฟความเร็วสูง ไปเชียงใหม่ โคราชและระยอง ขยายแอร์พอร์ตลิงค์ไปฉะเชิงเทรา ชลบุรี อยุธยา สร้างสะพานเศรษฐกิจื่อมฝั่งอันดามันและอ่าวไทย และ มีที่พักอาศัยราคาถูกค่าเช่า 1 พันกว่าบาท
นโยบายด้านการศึกษา คิดใหม่ทำใหม่ เพื่อคุณภาพการศึกษาของเด็กไทย จะมีการพัฒนาทักษะครู ปรับปรุงสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัย จัดศูนย์ฝึกอบรมอาชีวศึกษา จัดแท็บแล็ต คอมพิวเตอร์ให้เด็กนักเรียนใช้ฟรี ใช้ Wi-Fi และอินเตอร์เนตฟรีในที่สาธารณะ ให้ระบบเรียนก่อนผ่อนทีหลัง เพิ่มทุนเรียนต่อต่างประเทศ หนึ่งอำเภอ หนึ่งทุน
ขณะที่ได้กำหนดคืนความสุขให้คนไทย คืนประชาธิปไตยให้ประชาชน ด้วยนโยบายก้าวข้ามวิกฤติสู่สันติสุขของสังคมไทย จะคืนความเป็นธรรมและเยียวยาผู้ที่ไม่ได้รับความยุติธรรมทุกคนจากการกระทำสืบเนื่องจากการรัฐประหารในปี 2549 โดยจะหารือกับประชาชนก่อน และจะไม่นิรโทษกรรมบุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นการเฉพาะ พร้อมทั้งตั้งสภาร่างรัฐธรรรมนูญเพื่อแก้ไขทั้งฉบับ ให้ประชาชนลงมติ
นอกจากนั้น พรรคยังจะสานต่อนโยบายเดิมที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะการประกาศ 3 สงคราม คือ ทำสงครามกับความยากจน จะต้องทำให้คนไทยหายจนภายใน 4 ปี ลดช่องว่างระหว่างคนรวยและคนจน โดยเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ, ทำสงครามกับยาเสพติด จะจัดการให้หายไปภายใน 12 เดือน ยึดถือนโยบายผู้เสพคือผู้ป่วย ผู้ค้าคืออาชญากร เน้นความร่วมมือจีน อินเดีย และประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อกำจัดสารตั้งต้น
และ ทำสงครามกับการทุจริตคอรัปชั่น จะเร่งสร้างกลไกการตรวจสอบภาครัฐและนักการเมือง โดยยึดโยงกับภาคประชาชน และใช้กลไกดังกล่าวอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งเร่งปราบปรามการทุจริตในการซ้อขายตำแหน่งของข้าราชการ
สำหรับแนวทาง"30 บาท รักษาโรคได้จริง"โดยจะนำนโยบายดังกล่าวกลับมาใช้ใหม่ ทำให้ไม่เป็นคนไข้อนาถา และต้องได้รับการรักษาอย่างมีคุณภาพ รักษาทุกโรค , กองทุนหมู่บ้านจะเพิ่มเป็นหมู่บ้านละ 2 ล้านบาท จาก 1 ล้านบาท และเร่งพัฒนากองทุนหมู่บ้านไปเป็นธนาคารชุมชน, กองทุน S M L 3-4-5 แสนบาท และสานต่อโอทอป ส่งเสริมการส่งออกไปขายต่างประเทศและสร้างศูนย์กระจายสินค้าโอทอปเป็นแหล่งนัดพบระหว่างผู้ซื้อจากต่างประเทศ ผู้ค้าส่ง และเกษตรกรรายย่อย
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับ 1 พรรคเพื่อไทย ระบุว่า การเข้ามาเล่นการเมืองเพราะต้องการเสนอตัวรับใช้พี่น้องประชาชน อยากเห็นประเทศไทยมองข้ามความขัดแย้งแล้วเดินไปข้างหน้าด้วยกัน
"อยากเห็นความสามัคคี ความปรองดองในชาติ เพื่อที่จะเป็นการส่งสัญญาณว่า พรรคเพื่อไทยไม่คิดแก้แค้น แต่จะแก้ไข รวมถึงการสร้างโอกาสใหม่ๆให้กับประชาชน และแก้ปัญหาความทุกข์ยาก ปากท้องของประชาชนซึ่งเป็นปัญหาเร่งด่วน"น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุ