"อภิสิทธิ์"เปิดใจภาค 3 ผ่านเฟซบุ๊คถูกยัดเยียดเป็นฆาตรกรสั่งฆ่า ปชช.

ข่าวการเมือง Monday June 13, 2011 08:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบันทึก"จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ" โพสต์ผ่านทางเฟซบุ๊คตอน 3 ระบุถึงเหตุความสูญเสีย 91 ศพ เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเนื้อหาระบุว่า เดิมทีตั้งใจจะเขียนเรื่องการต่อสู้กับปัญหาคอรัปชั่น แต่เมื่อมีความพยายามสร้างกระแสเกี่ยวกับเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค.จึงต้องขอเสนอความจริงเรื่องนี้ก่อนว่าเหตุการณ์ความรุนแรงมีมาตั้งแต่ปี 52 แต่ชนวนเหตุการณ์ปี 53 เริ่มจากการที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จากการทุจริตเชิงนโยบายจำนวน 4.6 หมื่นล้านบาท

หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ วิดีโอลิงค์จากต่างประเทศทันทีว่าไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทย โดยใช้คำว่าเป็นกระบวนการยุติความเป็นธรรม ถึงขนาดกล่าวหาว่าศาลเป็นเครื่องมือทางการเมือง สร้างวาทกรรมสองมาตรฐานปลุกปั่นพี่น้องเสื้อแดงให้เข้าใจว่าเขาถูกกลั่นแกล้งโดยอำมาตย์ แต่ไม่เคยพูดถึงวันที่ตัวเองชนะคดีซุกหุ้น ซึ่งคนจำนวนไม่น้อยเห็นต่างจากคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีการระดมมวลชนกดดันสังคมให้ความเคารพคำตัดสินดังกล่าวและให้โอกาสได้บริหารประเทศเป็นเวลานานกว่า 5 ปี

"เท่ากับว่าถ้าศาลตัดสินแล้วตัวเองได้ประโยชน์ถือว่าเป็นธรรมแต่ถ้าทำผิดหลักฐานมัดแน่นศาลตัดสินลงโทษกลายเป็นสองมาตรฐาน นี่คืออันตรายที่ คุณทักษิณใช้พี่น้องประชนที่ศรัทธาคุณทักษิณด้วยความบริสุทธิ์ใจเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างโหดร้าย"นายอภิสิทธิ์ ระบุ

และ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังระบุในการวิดีโอลิงค์ครั้งนั้นว่า "วันนี้การเมืองตอนนี้ดุมาก ใจดำมาก แต่ขอผมเป็นเหยื่อการเมืองคนสุดท้าย ถ้าเมื่อไรประเทศได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง และมีระบบถ่วงดุลอย่างเหมาะสม คงจะไม่มีเหยื่ออย่างผมอีก เพราะวันนี้ดุลทั้งหมดไปอยู่อำมาตย์ที่สามารถกดปุ่มสั่งการให้ระบบหนึ่ง มีอำนาจเหนืออีกระบบหนึ่งอย่างง่ายดาย"

นายอภิสิทธิ์ ระว่า ทราบทันทีว่าประเทศชาติกำลังตกอยู่ในอันตราย ประชาชนอยู่ในภาวะหวาดผวากลัวจะเกิดเหตุรุนแรง คำประกาศ"แดงทั้งแผ่นดิน"การเทเลือดหน้าบ้าน ทำให้เป็นห่วงชาติบ้านเมืองว่ากำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่จะเป็นทะเลเลือดแดงฉานทั้งแผ่นดิน จึงพยายามอย่างที่สุดในการประนีประนอมบนหลักกฎหมายและความถูกต้อง พวกเขาเรียกร้องให้ยุบสภาทันที ก็ไปนั่งเจรจาคุยกับแกนนำเสื้อแดงสองวัน 6 ชั่วโมง เสนอทางออกด้วยการยุบสภาในช่วงปลายปี ไม่ใช่เพราะต้องการถ่วงเวลาอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดแต่ต้องการให้เศรษฐกิจมั่นคง การเมืองมาตกลงเรื่องกติกาให้ชัดและไม่ให้เป็นแบบอย่างให้เกิดการเรียกร้องโดยใช้มวลชนกดดันไม่จบไม่สิ้น

อย่างไรก็ตาม การเจรจาไร้ผล เพราะมีคนวางแผนเป็นขั้นตอนที่จะยัดเยียดให้ตนเองเป็น"ฆาตกรสั่งฆ่าประชาชน" จึงไม่ยอมรับในวิธีการแก้ปัญหาการเมืองด้วยการเมืองอย่างสันติ ซึ่งหากแกนนำคนเสื้อแดงและ พ.ต.ท.ทักษิณมีจุดประสงค์เพียงแค่ต้องการให้ยุบสภาไม่เกี่ยวกับการล้างความผิด ย่อมไม่มีความตาย 91 ศพเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

ต่อมาคนเหล่านี้เผยธาตุแท้ตัวเองให้เห็น ภายหลังผ่านเหตุการณ์ไทยวิปโยคว่าให้รัฐบาลอยู่ครบเทอมไปเลย ทั้ง ๆ ที่ในช่วงเหตุการณ์ เม.ย.-พ.ค.53 เรียกร้องเอาเป็นเอาตายว่าต้องยุบสภาทันทีจนเกิดเหตุสูญเสียขึ้นในที่สุด

จากนั้นสงครามเต็มรูปแบบก็เกิดขึ้นที่สี่แยกคอกวัว หลังคำประกาศบนเวทีราชประสงค์ของนายอริสมันต์ ไม่นานมีชายชุดดำแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุมใช้คนเสื้อแดงที่บริสุทธิ์เป็นเกราะกำบังโจมตีทหารจนเกิดการสูญเสียชีวิตทั้งทหารและประชาชน ขณะที่ผมและผู้นำเหล่าทัพกับบุคคลที่เกี่ยวข้องซึ่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด อยู่ในอาการช็อคกับการใช้ความรุนแรงกับคนไทยด้วยกันเองได้ถึงขนาดนี้ แต่บนเวทีกลับนำศพไปปลุกระดมให้ประชาชนเกิดความโกรธแค้นมากขึ้น พร้อมยื่นคำขาดให้ตนเองเดินทางออกนอกประเทศ

เมื่อมีการต่อสายระหว่างนักการเมืองผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ฝ่ายผู้ชุมนุมอ้างว่าไม่เกี่ยวกับผู้ใช้อาวุธ และบอกให้เจ้าหน้าที่จัดการกับคนกลุ่มนั้นได้ตามใจชอบแต่เจ้าหน้าที่ขณะนั้นใช้กำลังเพียงแค่ปกป้องตนเอง และคุ้มครองการลำเลียงผู้บาดเจ็บออกจากสถานการณ์เลวร้ายดังกล่าว

"คืนวันนั้นจนถึงวันรุ่งขึ้นเป็นคืนที่ผมไม่อาจหลับตาลงได้แม้แต่นาทีเดียว เป็นวันที่ผมสลดใจมากที่สุดในช่วงที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากการกดดันของผู้ชุมนุมและฝ่ายการเมืองรอบทิศ ผมต้องพิจารณาทบทวนตัวเองอยู่หลายครั้ง เพราะได้เกิดความสูญเสียขึ้น

แต่เพราะความเข้มแข็งของสังคมไทยที่รับทราบข้อเท็จจริงว่า ความสูญเสียไม่ได้เกิดจากการก่ออาชญากรรมโดยรัฐ เพราะผมแสดงให้เห็นมาโดยตลอดที่จะใช้การเจรจาแก้ปัญหาจนถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขี้ขลาดกลัวคนเสื้อแดง อีกทั้งยังปรากฎข้อเท็จจริงว่ามีกองกำลังติดอาวุธจริงในกลุ่มคนเสื้อแดงทำให้สังคมให้โอกาสผมทำงานต่อ

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องคนไทยในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุดสำหรับประเทศและยังต้องร่วมฟันฝ่าเพื่อให้ความสูญเสียที่เกิดขึ้น เป็นจุดต่ำสุดของวิกฤตการเมืองแล้วและผมตั้งใจว่าเราจะก้าวพ้นความรุนแรงนี้ไปด้วยกัน"นายอภิสิทธิ์ ระบุ

กระนั้นก็ตาม ก็ยังมุ่งมั่นคิดถึงแผนปรองดอง ซึ่งจะเขียนถึงในตอนต่อไป เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริงว่า แกนนำเสื้อแดงสามารถหยุดยั้งไม่ให้เกิดศพเพิ่มได้ แต่พวกเขากลับเลือกแนวทางสร้างศพเพิ่ม เพื่อยัดเยียดข้อหาฆ่าประชาชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ