นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในนามพรรคเพื่อไทย เพื่อเห็นแก่การปรองดองที่พูดกันขณะนี้ พรรคยินดีลืมเรื่องที่ผ่านมา แม้ว่าเราจะมีความเจ็บปวด แต่พรรคมีเงื่อนไขว่า ทุกพรรค และทุกภาคส่วนต้องเคารพเสียงส่วนใหญ่ในการเลือกตั้ง อย่าบีบบังคับให้พรรคใดร่วมหรือไม่ร่วม และขอให้พรรคที่ได้คะแนนมากที่สุดเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลโดยเสรี
และหากพรรคเพื่อไทยได้เสียงสูงสุดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็จะจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและการปรองดอง และตั้งใจจะนำสันติสุข ความสามัคคี โดยจะไม่มีการแก้แค้นหรือเอาคืน แต่จะพยายามดูแลเรื่องผู้เสียหายและผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ความวุ่นวายที่ผ่านมา
ทั้งนี้ การปรองดองของพรรค จะอยู่บนหลัก 5 ข้อ เมตาธรรม ประชาธรรม นิติธรรม การให้อภัย ความสามัคคีและกลมเกลียวในอนาคต ดังนั้น ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ถามจุดยืนของการปรองดองของพรรค พรรคก็อยากให้ประชาชนได้เลือกตั้งระหว่างแนวทางปรองดองของพรรคเพื่อไทยกับของพรรคประชาธิปัตย์ที่ใช้ทหาร กองกำลัง จบด้วยการปะทะกับประชาชนจนเสียชีวิต และที่อ้างว่ายึดตามหลักกฎหมาย แต่สุดท้ายก็คือ การเอาคุกเป็นสรณะ เมื่อเข้าคุกจึงให้อภัยก่อน ประชาชนจะได้เลือกว่า สิ่งไหนถูก และนำสู่การปรองดองของประเทศอย่างแท้จริง
"การที่อภิสิทธิ์ปฏิเสธว่าไม่มีอำนาจใดมาบีบบังคับ หรือ มีการตั้งรัฐบาลในค่ายทหารในช่วงที่ผ่านมา ก็ขอให้ระวังคนจะมาถือป้ายมาใส่หน้าท่านว่า ดีแต่พูด พูดโกหก"นายปลอดประสพ กล่าว
สำหรับรูปแบบการปรองดอง หากพรรคได้เป็นรัฐบาลก็จะตั้งคณะกรรมการปรองดอง โดยดึงฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นกรรมการให้หมดเพื่อให้รู้ความจริงไม่ว่าจะเป็นกรณีเสื้อแดงหรือเสื้อเหลือง ซึ่งต่างจากคณะกรรมการ คอป.ปัจจุบันที่รัฐบาลนี้ตั้งขึ้น โดยไม่นำคนที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทำให้ปรองดองไม่ได้ และไม่มีความคืบหน้าในการสอบสวนความจริงในเหตุการณ์ชุมนุมที่ผ่านมาจนถึงวันนี้
"คณะกรรมการชุดนี้จะยึดเนื้อหาตั้งแต่การยึด 19 กันยา 2549 เป็นต้นมาที่เป็นต้นเหตุความขัดแย้ง เมื่อค้นหาความจริงทั้งเหตุการณ์ชุมนุมปี 2552 และ 2553 เสร็จ ก็จะดูว่าจะต้องให้อภัยใครได้บ้างอย่างไร ถ้าบางเรื่องต้องให้อภัยโดยยึดกรอบกฎหมายก็ต้องทำ ส่วนจะต้องยกเลิก คอป.หรือไม่นั้น วันนี้ยังบอกไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาไม่มีความคืบหน้าในการสอบข้อเท็จจริง" นายปลอดประสพ กล่าว
นายปลอดประสพ กล่าวว่า การนิรโทษกรรมจะเป็นเรื่องสุดท้ายของการปรองดอง และถ้าจำเป็นต้องออกกฎหมายก็ต้องทำ แต่พรรคไม่เคยพูดเรื่องนิรโทษกรรมมาก่อน มีแต่ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเท่านั้นที่พูดเป็นเรื่องข้อกฎหมาย แต่พรรคประชาธิปัตย์กลับออกมาซ้ำ แหย่ให้เราพูดเรื่องนี้ ซึ่งไม่แฟร์ไม่ใช่การต่อสู้ในระบอบประชาธิปไตย อยากให้พรรคประชาธิปัตย์มาแข่งกันเรื่องนโยบายจะดีกว่า
ส่วนพรรคจะฟ้องร้องนายอภิสิทธิ์ กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ตามที่คนเสื้อแดงเรียกร้องหรือไม่นั้น นายปลอดประสพ กล่าวว่า เราต้องค้นหาความจริง เมื่อทราบก็ต้องคิดอภัยต่อกัน และก็ต้องเยียวยาคนบาดเจ็บ กระบวนนี้ถ้าจำเป็นต้องใช้กฎหมาย ก็ต้องใช้ แต่เป็นวิธีสุดท้าย และพรรคไม่เคยมีคุกเป็นสรณะ
"ถ้าเราเป็นรัฐบาล เราจะแก้ปัญหาปากท้องก่อน จากนั้นค่อยทำเรื่องการปรองดอง เมื่อถึงตอนนั้น เราจะไม่กล่าวหาใคร ไม่หาเรื่องใคร ไม่แก้แค้นใคร แค่นี้ก็เป็นการปรองดองระดับหนึ่ง จากนั้นก็เอาความจริงออกมาแล้วค่อยเข้าสู่การอภัยกัน" นายปลอดประสพ กล่าว