เลือกตั้ง'54: โฆษก ปชป.ชี้นักลงทุนสะท้อนความกังวล พท.ตั้งรัฐบาลผ่านตลาดหุ้น

ข่าวการเมือง Monday June 13, 2011 15:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.)ระบุนักลงทุนต่างประเทศสะท้อนความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยผ่านตลาดหุ้น หากพรรคเพื่อไทย(พท.) ชนะการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้แล้วได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดความวุ่นวายมากกว่าในอดีต หลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผุ้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ประกาศจะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

"หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นักลงทุนก็เห็นว่าเกิดความวุ่นวายและมีความเสี่ยงที่อาจจะสูงกว่ารัฐบาลสมัครและรัฐบาลสมชาย เพราะขณะนั้นยังไม่มีชายชุดดำปรากฎตัวออกมา และสิ่งที่สะท้อนโดยตลาดทุนนั้น หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่าจะล้างความผิดให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นอกจากนั้นต่างชาติวิเคราะห์ด้วยว่า มีความเคลื่อนไหวในตลาดหุ้นที่มีการถอนหุ้นออกมาส่งผลให้ดัชนีลดลงกว่า 50 จุดหรือ 5% มูลค่ากว่า 4.4 แสนล้านบาท" นพ.บุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค ปชป.ระบุในเว็ปไซด์

โฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า ระหว่างนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปร่วมการประชุมเวิลด์อีโคโนมิค ฟอรั่ม ที่ประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะนายกรัฐมนตรีและนักการเมืองรุ่นใหม่ที่ได้รับการยอมรับในเวทีนานาชาติ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ได้เข้าร่วมการประชุมนี้ตั้งแต่เป็นผู้นำฝ่ายค้านก่อนที่จะเป็นหัวหน้าพรรค โดยวัตถุประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้คือการรักษาระดับความเชื่อมั่นที่ประเทศไทยได้กลับคืนมาในช่วงการบริหารงานของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์

โดยยืนยันความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 10 ด้าน อาทิ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงที่สุด ความมั่นคงในทุนสำรองระหว่างประเทศที่มั่นคงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2550 รายได้จากการส่งออกเติบโต 28% หนี้สาธารณะลดลงอย่างต่อเนื่อง มีการจัดตั้งบริษัทใหม่โดยจดทะเบียนนิติบุคคลและเพิ่มทุนของบริษัททต่างๆสูงสุดในรอบ 99 ปี การแก้ไขปัญหาการว่างงานที่อยู่ในระดับต่ำกว่า 1% เป็นอัตราต่ำในรอบ10 ปี การรักษาเสถียรภาพอัตราเงินเฟ้อ การลดต้นทุนโลจิสติกต์ ตลาดหุ้นมีการเพิ่มมูลค่าจาก 3 ล้านล้านบาทมาเป็น 8 ล้านล้านบาท การฟื้นคืนของรักท่องเที่ยว ทั้งหมดนี้เป็นการยืนยันของเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศที่ได้ทำต่อเนื่องใน 2 ปีที่ผ่านมา

โฆษกพรรค ปชป. กล่าวว่า หาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะอธิบายต่อประชาคมโลกและจะสร้างความมั่นใจในภาพลักษณ์ของประเทศไทยได้อย่างไร เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีภาพชัดเจนในการร่วมการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงหลายครั้ง จึงยากที่จะปฏิเสธว่าตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นต้นเหตุของความวิตกกังวลของนักลงทุนในขณะนี้

"ทางเลือกระหว่างเบอร์ 1 กับเบอร์ 10 มีความแตกต่างกันมากเกี่ยวกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่าความปรองดองควรจะเกิดขึ้นโดยกลไกที่เป็นธรรมต่อผู้ชุมนุมทางการเมืองและอาจรวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์และจากคดียุบพรรค หากคณะกรรมการที่เป็นอิสระมีข้อเสนอในการสร้างความปรองดองหรืออาจจะมีการออกกฎหมายนิรโทษกรรม แต่พรรคฯ ยืนยันว่าข้อเสนอดังกล่าวไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับความผิดในฐานะทุจริตคอรัปชันของ พ.ต.ท.ทักษิณ ขณะทีพรรคเพื่อไทยได้ระบุหลายครั้งว่าสาระสำคัญของผู้ที่จะได้รับอานิสงส์จากการสร้างความปรองดองจะต้องรวมไปถึงคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ด้วย ดังนั้นพรรคเพื่อไทยต้องให้ความชัดเจนถึงวิธีการและขั้นตอนในการล้างผิดให้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะทำอย่างไร" นพ.บุรณัชย์ กล่าว

ส่วนผลสำรวจของกรุงเทพโพลที่ระบุว่า ปชป.ยังตามหลัง พท.ว่า การดูโพลนั้นก็ต้องดูว่าเป็นโพลชนิดใด เพราะนักวิชาการก็ออกมาบอกแล้วว่าโพลมีหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นโพลวิชาการ โพลชี้นำ โพลรับจ้าง หรือโพลที่สร้างความเข้าใจ ซึ่งเราจะต้องดูประกอบกัน

"โพลของสำนักเดียวกันนี้ในปี 50 ก็ออกมายืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะชนะเลือกตั้ง ซี่งเมื่อผลการเลือกตั้งออกมาก็เป็นตรงกันข้าม ไม่ทราบว่าคราวนี้จะเป็นอย่างเดียวกันหรือไม่" นพ.บุรณัชย์ กล่าว

โฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้สิ่งที่จะกำหนดสำคัญที่สุดคือการเลือกผู้นำระหว่างนายอภิสิทธิ์ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งผลสำรวจเรื่องความเป็นผู้นำนั้นเห็นได้ชัดว่านายอภิสิทธิ์ยังได้รับความเชิ่อมั่นจากประชาชนในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวุฒิภาวะ ความเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ จริยธรรม ความซื้อสัตย์สุจริต และความเหมาะสมในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งของประเทศ ซึ่งก็ต้องดูประกอบกัน ขณะเดียวกันสิ่งที่เหมือนกันของโพลคือผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจซึ่งอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง แม้ ปชป.จะลดต่ำลงมาบ้างก็พียงจาก 50 เปอร์เซ็นต์ เป็น 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสัดส่วนนี้จะเป็นส่วนกำหนดเผลการเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค.นี้

โฆษกพรรค ปชป.กล่าวว่า หลังจากแยกแยะว่าเป็นโพลประเภทใดแล้วก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการกำหนดแนวทางที่จะหาเสียงต่อเนื่อง แต่ยืนยันว่าทางเลือกตั้งนี้จะเป็นการเลือกระหว่างแนวทางในการที่จะให้ประเทศเดินหน้าได้หรือแนวทางการนำประเทศกลับไปสู่ความขัดแย้งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าความแตกต่างนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้นที่ประชาชนจะตัดสินใจ ในช่วงประมาณเกือบ 3 สัปดาห์จากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง

"ปัญหาที่พรรคประชาธิปัตย์พบขณะนี้คือ การลงพื้นที่แล้วเจอกับขบวนการจัดตั้งกับกลุ่มคนเสื้อแดงที่เริ่มใช้วิธีค่อนข้างหยาบคายขัดขวางการหาเสียง ซึ่งทำให้คนไทยเห็นภาพของความขัดแย้งและสร้างความหวาดกลัวโดยขบวนการข่มขู่ ซึ่งเรื่องนี้เป็นปัญหาที่ต้องแก้ และผู้ที่รับผิดชอบและต้องแก้ปัญหานี้ก็คือพรรคเพื่อไทย"นพ.บุรณัชย์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ