นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เขียนบันทึกบนเฟสบุ๊ค"จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 4" โดยระบุถึง เหตุการณ์ 91 ศพสังเวยความต้องการใคร (ภาค 2) โดยระบุถึงเหตุการณ์ที่หลายคนไม่อยากจำ แต่ลืมไม่ลงคือการบุก รพ.จุฬาฯ จนต้องมีการย้ายคนไข้ ไม่เว้นแม้แต่สมเด็จพระสังฆราช
แรงกดดันที่มาที่ ศอฉ. ให้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมมีความรุนแรงมาก ทำให้ต้องแบกรับอย่างต่อเนื่อง แต่อดทนเพื่อหาแนวทางสันติ จนต้นเดือนพฤษภาคม จึงเสนอแผนปรองดองที่พูดถึงการแก้ปัญหาในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเรียกร้องของผู้ชุมนุมในทุกเรื่อง โดยเฉพาะหากยกเลิกการชุมนุมก็จะจัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤศจิกายน
"ผมถูกก่นด่าว่าอย่างรุนแรงจากคนที่สนับสนุนผม แต่ผมต้องการเห็นบ้านเมืองสงบทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ข้อเสนอทั้งหมดไม่ได้คะแนนจากชาวเสื้อแดง แต่เสียคะแนนจากฝ่ายสนับสนุนผม ข้อเสนอผมเป็นเหตุเป็นผลขนาดที่แกนนำบนเวทีต้องตอบรับแต่ขอเวลาที่จะตัดสินใจในการสลายการชุมนุม ระหว่างนั้นผมก็ให้คุณกอร์ปศักดิ์ประสานงานตลอด แต่เจรจาอย่างไรก็ไม่เป็นผล ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มขอคืนพื้นที่บริเวณโรงพยาบาลจุฬาฯ ฯลฯ สิ่งที่ผมสังหรณ์ใจไม่ผิดก็คือแผนปรองดองทั้งหมดมีจุดอ่อนจุดเดียว คือไม่มีการนิรโทษกรรมให้คุณทักษิณ"
นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า สุดท้ายการเจรจาก็ล้มเหลว เพราะไม่ได้รับไฟเขียวจากนายใหญ่ฝ่ายเจรจาของผู้ชุมนุมที่แปลกใจหรือผิดหวังตั้งแต่ 10 เม.ย.ว่ามีคนตายแล้วแต่รัฐบาลยังอยู่ได้ จึงมองว่าหากไม่มีการนิรโทษกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร จึงไม่ต้องการให้คลี่คลายเพราะไม่ได้รับชัยชนะ แม้แต่ก่อนสลายเราพยายามจะเจรจาให้ส่งผู้ชุมนุมกลับบ้านก่อนมอบตัว แต่ถูกปฏิเสธ
ในที่สุดเวลาผ่านไป 10 วันก็ชัดเจนว่าจะไม่มีการเลิกการชุมนุม ศอฉ.จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรักษากฎหมายโดยการ “กระชับพื้นที่" แต่แล้วปัญหาก็ไม่ได้จบไปกับการสลายการชุมนุมและการมอบตัวของแกนนำ ซึ่งก็เป็นไปตามคำประกาศครั้งสุดท้ายของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ที่พูดบนเวทีก่อนสลายการชุมนุมว่า“การชุมนุมยุติลงแล้ว แต่การต่อสู้ของเรายังไม่จบ"จากนั้นไม่ถึงชั่วโมง กรุงเทพฯ ก็กลายเป็นทะเลเพลิงเหมือนกับที่นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง เคยปลุกระดมเอาไว้
เหตุการณ์ที่สะเทือนใจคนไทยอย่างมากก็คือ ความสูญเสียที่เกิดขึ้นที่วัดปทุมฯที่จริงเมื่อมีข้อเสนอให้ประกาศเป็นเขตอภัยทาน โดยให้นายกอร์ปศักดิ์ประสานไปว่าไม่อยากให้ทำ เพราะควรอำนวยความสะดวกให้คนกลับบ้านมากกว่า ที่สำคัญ เป็นไปไม่ได้ที่จะให้มีแต่ผู้หญิง เด็ก คนแก่เข้าไปในพื้นที่ เพราะรู้ว่าต้องมีคนติดอาวุธเข้าไปด้วย ซึ่งต่อมาก็มีการพบอาวุธที่ถูกนำไปซ่อนในที่นั้น
"ผมไม่สามารถฟันธงได้หรอกครับว่า 6 ศพที่วัดปทุมฯ เป็นฝีมือใคร แต่ผมถามว่า มีเหตุผลอะไรที่เจ้าหน้าที่จะจงใจไล่ยิงประชาชนเมื่อการชุมนุมสิ้นสุดแล้ว ผมเชื่อว่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นอาจเป็นผลของการปะทะหรือการฉวยโอกาสของกลุ่มติดอาวุธที่แฝงตัวอยู่ ซึ่งผมหวังว่าคณะกรรมการฯ และหน่วยงานจะให้ความจริงกับเราต่อไป"นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อเหตุการณ์คลี่คลายลง คนใกล้ชิดจำนวนไม่น้อยแนะนำให้ยุบสภา-ลาออก หรือเว้นวรรคทางการเมือง เพื่อจะได้ใช้ชีวิตอย่างสงบ ไม่ต้องมีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย พวกเขาบอกว่านับจากนี้ไปชีวิตไม่มีทางปลอดภัย แต่ถ้ายอมแพ้ให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้ในสิ่งที่ต้องการทุกอย่างก็จะจบ
แต่ตนเองไม่คิดว่าจะจบได้ แต่มันเป็นจุดเริ่มต้นหายนะครั้งใหม่ของชาติมากกว่า และที่ตัดสินใจมุ่งมั่นแก้ปัญหาต่อไป ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าชีวิตถูกคุกคามได้ทุกเมื่อ ไม่ใช่เพราะยึดติดกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่เพราะตระหนักถึงหน้าที่ของตัวเองว่าต้องใช้อำนาจที่มีต่อสู้เพื่อรักษาบ้านเมืองของเรา ในช่วงเวลานั้นได้รับกำลังใจจากประชาชนจำนวนมากที่ส่งข้อความมายังโทรศัพท์มือถือ เป็นแรงใจให้มีความเข้มแข็งยืนหยัดต่อสู้เพื่อนำบ้านเมืองของเรากลับสู่ความสงบให้ได้
แม้จะอยู่ในอารมณ์เศร้าสะเทือนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขี้น แต่ก็รู้ดีว่ามีหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองที่อาสาตัวมารับใช้พี่น้องประชาชน ท้อไม่ได้ และไม่มีสิทธิถอยเพราะถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชนที่ให้โอกาสได้เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยมายาวนานเกือบ 20 ปี
นายอภิสิทธิ์ ยกตัวอย่างข้อความที่ส่งมาให้กำลังใจ เข่น “อย่าใจเสีย อย่ายุบสภา อย่าลาออก ท่านนายกฯทำดีที่สุดแล้ว", “หลังควันไฟจบบ้านเมืองก็สงบด้วย สิ่งปลูกสร้างเราซ่อมแซมใหม่ได้ หน้าที่ต่อไปคือนำประเทศผ่านวิกฤติครั้งนี้ให้ได้ ท่านนายกฯ ยังมีหน้าที่สู้ต่อเพื่อบ้านเมืองของเรา เชื่อมั่นว่าท่านทำได้"
อย่างไรก้ตาม หน้าที่สมานบาดแผลแผ่นดินยังเป็นสิ่งที่มุ่งมั่นเดินหน้าต่อ แม้จะรู้ว่าการอยู่ตรงกลางระหว่างคนสองสี คือ ทั้งสีเหลืองและสีแดงจะทำให้ไม่ได้รับคะแนนนิยมจากสองฝ่ายนี้เลย เมื่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ รวมทั้งคณะกรรมการของ อ.คณิต นำเสนอข้อมูลว่ามีคนเสื้อแดงจำนวนมากที่ไม่ได้รับการดูแลตามสิทธิทางกฎหมาย ก็ให้กระทรวงยุติธรรมเข้าไปช่วยเหลือดูแลในเรื่องการประกันตัวตามสิทธิที่เขาพึงมี ส่วนการจะให้ประกันตัวหรือไม่นับเป็นดุลพินิจของศาล
นอกจากนั้น ครม.ยังมีมติเพื่อตอกย้ำว่า รัฐบาลพร้อมให้ความเป็นธรรมในการดูแลสิทธิของพี่น้องเสื้อแดงที่ไม่มีทนายความคอยดูแลเหมือนบรรดาแกนนำ แม้ว่าทำอย่างนี้คนเสื้อแดงก็ไม่ได้เกลียดน้อยลง บางคนออกจากคุกได้เพราะกระทรวงยุติธรรมเข้าไปช่วยดำเนินการให้ก็ยังด่าอยู่ดี ขณะที่คนบางกลุ่มก็ประณามว่าเป็นการเกี๊ยะเซี๊ยะ ปล่อยคนเผาเมืองออกจากคุก แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายไม่ได้มีวาระซ่อนเร้นๆ
นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า การอยู่ท่ามกลางระหว่างสี ทำให้เปรอะเปื้อนไปด้วยการสาดสีใส่โคลน แต่ก็รับสภาพด้วยความอดทนอดกลั้น เพราะรู้ดีว่าการสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้นระหว่างการเมืองสุดโต่งนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และยังไม่ละความพยายามที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในประเทศให้จงได้ ไม่ใช่ความปรองดองในหมู่นักการเมืองด้วยกัน แต่ต้องปรองดองบนความถูกต้อง ไม่ให้หลักการของประเทศเสียหาย
"วันนี้หลังเหตุการณ์ผ่านไปหนึ่งปี ยังคงมีกระบวนการที่ตั้งธงว่า ผมเป็นฆาตกร ลองเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่ตากใบ กรือเซะ และการฆ่าตัดตอน 2,000 กว่าศพ ดูสิครับ แล้วท่านจะเข้าใจความแตกต่างระหว่างการสั่งฆ่าประชาชนกับการรักษากฎหมาย"นายอภิสิทธิ์ ระบุ