นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยภายหลังการร่วมหารือกับผู้แทนองค์การยูเนสโก้ประจำประเทศไทย โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงว่า พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า การขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ทำให้ประเทศไทยสูญเสียดินแดนเป็นจำนวนมาก ที่ผ่านมาได้มีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล 3 ข้อในการปกป้องดินแดนและอธิปไตย แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ดำเนินการ วันนี้จึงได้มาร้องขอต่อยูเนสโก้
สำหรับการเคลื่อนไหวที่มีการรณรงค์โหวตโนในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะเห็นว่าไม่มีนักการเมืองคนใดให้ความสนใจที่จะปกป้องดินแดนและอธิปไตย หากนักการเมืองเหล่านี้กลับมาจะทำให้ไทยเสียดินแดนอีก ขณะเดียวกัน นายเทพมนตรี ลิมปพยอม นักวิชาการอิสระด้านประวัติศาสตร์ ได้มอบหนังสือและเอกสารหลักฐานมาด้วย
โฆษกพันธมิตร กล่าวว่า ตนได้ชี้แจงว่าไทยไม่ยอมรับคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี 2505 รวมทั้งข้อสงวนสิทธิ์ แต่ฝ่ายยูเนสโกกล่าวว่าไม่มีใครบอกพวกเขาเลยแม้แต่น้อย ส่วนพล.ต.จำลอง กล่าวว่าการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนไม่ได้เป็นการกดดัน แต่เป็นการขอความช่วยเหลือต่อทางยูเนสโก ซึ่งยูเนสโกชี้แจงว่าไม่ได้เป็นแรงกดดัน แต่เป็นสิทธิในการแสดงออกที่น่ายินดียิ่ง พร้อมชื่นชมการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นอย่างสุภาพเรียบร้อย ตราบใดที่ประเด็นดังกล่าวยังเป็นที่ติดใจสงสัยก็สามารถติดต่อมาได้
อย่างไรก็ดี ยูเนสโกประจำประเทศไทยได้รับข้อเรียกร้องรวมทั้งเอกสารหลักฐานต่างๆ จากกลุ่มพันธมิตรฯ โดยจะส่งไปยังสำนักงานใหญ่ของยูเนสโกที่ประเทศฝรั่งเศสด้วย
ด้านนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า ไทยไม่เคยเห็นด้วยกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชา เพราะไม่ใช่แค่ปราสาทพระวิหาร แต่ยังรุกล้ำดินแดนและอธิปไตยของไทยอีกจำนวนมาก จึงถือว่าการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารแก่กัมพูชาเป็นการปล้นคนไทยอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้ออกแถลงการณ์ที่มีต่อสำนักงานองค์การยูเนสโก สหประชาชาติ โดยมีใจความระบุว่า คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ประเทศไทย และประชาชนทุกหมู่เหล่า มีความตระหนักและห่วงใยถึงปัญหาการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารและการกระทำของมรดกโลก 21 ประเทศ ซึ่งมีพฤติการณ์สร้างความขัดแย้งให้เกิดขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา อันเป็นการผิดวัตถุประสงค์การขึ้นทะเบียนมรดกโลก ของศูนย์กลางมรดกโลก (WHC) รวมไปถึงองค์การยูเนสโก (UNESCO) ที่อยู่ในการดูแลของท่านและตัวท่านเองยังให้การสนับสนุนการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกอย่างต่อเนื่อง การกระทำดังกล่าวข้างต้นนั้น คณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทยได้พิจารณาแล้วว่าเป็นการรุกรานอธิปไตยและดินแดนของประเทศไทยอย่างชัดเจน ซึ่งเราในฐานะเป็นประเทศภาคีสมาชิกตามอนุสัญญามรดกโลกยอมรับพฤติการณ์เช่นนี้ไม่ได้ จึงร้องขอให้ท่านได้พิจารณาข้อมูลหลักฐานของภาคประชาชนของประเทศไทยเพื่อนำเรื่องและข้อมูลที่จะได้รับต่อไปนี้ ไปเข้าที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งที่ 35 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 19 - 29 มิถุนายน พ.ศ.25 54 เพื่อขอให้มีการพิจารณาลบชื่อ "ปราสาทพระวิหาร" ออกจากบัญชีรายชื่อของมรดกโลกทางวัฒนธรรม ประเทศไทยเป็นประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ,องค์การยูเนสโก (UNESCO) และเป็นรัฐภาคีสมาชิกมรดกโลกฯ มีอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดนของตัวเองอย่างสมบูรณ์การกระทำของประเทศกัมพูชาต่อกรณีปราสาทพระวิหารที่ผ่านมาเป็นการรุกล้ำอธิปไตยและดินแดน จนฝ่ายไทยได้มีหนังสือประท้วงหลายต่อหลายครั้ง องค์การยูเนสโกเป็นองค์กรที่มีปณิธานในการส่งเสริมสนับสนุนประเทศภาสมาชิกในความร่วมมือให้มีสันติภาพ มีความสงบสุข แต่พฤติการณ์และพฤติกรรมที่ปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารให้เป็นมรดกโลกนั้น มีลักษณะขัดแย้งต่อปณิธานขององค์กรที่ตั้งไว้ เพราะเมื่อมีการสนับสนุนให้ศูนย์กลางมรดกโลก คณะกรรมการมรดกโลกทำการอนุมัติการขึ้นทะเบียน ความขัดแย้งได้เพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อย มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ล่าสุดเมื่อเดือนก.พ.54 กองทัพกัมพูชาได้ระดมยิงจรวดและปืนใหญ่ถล่มบ้านเรือนของประชาชนคนไทยตรงบริเวณใกล้ปราสาทพระวิหาร และบริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร ประชาชนชาวไทยต้องอพยพหลบภัยจากอาวุธของกองทัพกัมพูชาถึง 2 ครั้ง กว่า 1 แสนคน อนึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ใช้ตัวปราสาทพระวิหารเป็นที่กำบัง เป็นที่สะสมอาวุธและกองกำลัง (ดังปรากฏตามภาพถ่ายที่ได้แนบมา) ซึ่งได้ละเมิดอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ข้อ 180 ที่ว่าด้วยเรื่อง POTENRIAL DANGER แต่องค์การยูเนสโกศูนย์กลางมรดกโลก และคณะกรรมการมรดกโลกกลับนิ่งเฉย และยังคงเข้าข้างฝ่ายกัมพูชาในการดำเนินการตามแผนบริหารจัดการที่รุกล้ำดินแดนประเทศไทย อีกทั้งยังมีความพยายามบีบังคับให้ประเทศไทยต้องรับมติคณะกรรมการมรดกโลก การกระทำที่ฉ้อฉลเช่นนี้ ภาคประชาชนของประเทศไทยยอมรับไม่ได้จึงขอชี้แจงการกระทำขององค์การยูเนสโก ศูนย์กลางมรดกโลกและคณะกรรมการมรดกโลก ในสภาพการปัจจุบันได้มีประชาชนชาวไทย ในนามพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและคณะกรรมการป้อกงันราชอาณาจักร ได้ทำการชุมนุมแบบปักหลักพักค้าง ตลอด 24 ชม. ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.54 จนถึงปัจจุบัน 144 วัน แสดงความไม่เห็นด้วยกับองค์การยูเนสโก ศูนย์กลางมรดกโลก และคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยในฐานะ ภาคีสมาชิกถอนตัวออกจากคณะกรรมการมรดกโลกและสมาชิกมรดกโลก ดังนั้นคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจัรกและประชาชนคนไทย จึงขอความอนุเคราะห์จากท่าน นำเหตุผลข้างต้นไปประกอบการพิจารณาลบชื่อ "ประสาทพระวิหาร" ออกจากบัญชีรายชื่อของมรดกโลกทางวัฒนธรรม และตั้งคณะกรรมการสอบสวนรัฐภาคีกัมพูชา,ศูนย์กลางมรดกโลก และคณะกรรมการมรดกโลกที่ออกมติครั้งที่ 31, 32, 33, 34 อันเป็นฉ้อฉลขาดหลักการและเข้ามายุ่งเกี่ยวกับดินแดนประเทศไทยอันเป็นการรุกรานอธิปไตยและดินแดนของรัฐภาคีสมาชิก โดยร้องขอให้ท่านได้บรรจุเป็นวาระการประชุมเร่งด่วน ก่อนการพิจารณาวาระปราสาทพระวิหารในสมัยประชุมครั้งที่ 35 ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ต่อไป หลังจากยื่นหนังสือแล้วคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย ได้นำมวลชนเดินรณรงค์โหวตโนจากหน้าสำนักงานยูเนสโก ไปตาม ถ.สุขุมวิท ถึงสี่แยกราชประสงค์ เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. นี้ โดยรณรงค์ให้ใช้สิทธิ์เลือกช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน ซึ่งถือเป็นการรณรงค์ตามยุทธศาสต์ดาวกระจาย โดยมีประชาชนสนใจเข้าร่วมสมทบขบวนรณรงค์อย่างต่อเนื่อง