นางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) หรือกลุ่มคนเสื้อแดงเขียนบันทึกในหัวข้อ"จากใจคนไทยถึงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ"ผ่านเฟซบุ๊คตอบโต้บันทึกเปิดใจ"จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ"กรณีกล่าวหาเป็นพวกเผาบ้านเผาเมืองในการชุมนุม เม.ย.-พ.ค.53
นางธิดา ระบุว่า เป็นครั้งแรกที่เขียนจดหมายถึงคนคนเดียว แต่ขอเขียนแทนประชาชนคนไทยจำนวนมากจำนวนหนึ่งที่ได้อ่านข้อความเปิดใจของนายอภิสิทธิ์ตั้งแต่ฉบับที่ 1 ถึงฉบับที่ 4 และขอให้เขียนต่อไปอีกจะได้ทำให้คนไทยเห็นธาตุแท้
ความจริงไม่ใช่ความผิดของนายอภิสิทธิ์ทั้งหมด เพราะเป็นแค่ตัวแสดงที่ถูกให้มารับหน้าที่นายกรัฐมนตรี เป็นตัวละครสำคัญในช่วงเวลาที่สังคมไทยกำลังเกิดการขัดแย้งรุนแรงระหว่างชนชั้นนำในระบอบอำมาตยาธิปไตยกับประชาชนไทย พรรคการเมืองตัวแทนฝ่ายอนุรักษ์นิยมจึงต้องเป็นรัฐบาลให้ได้ และเป็นให้ยาวนานที่สุด เพื่อรักษาอำนาจในการปกครองไว้ในมือของชนชั้นนำในระบอบอำมาตย์
และเมื่อพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมมีหัวหน้าพรรคชื่ออภิสิทธิ์ ที่ถูกดึงขึ้นมาต่อสู้เทียบเคียงกับทักษิณ ชินวัตร โดยเชื่อว่า สดกว่า หนุ่มกว่า มีการศึกษาสูงแบบผู้ดีอังกฤษ จึงกลายเป็นตัวเอกของเวทีรัฐสภาและมีบทบาทเป็นนายกรัฐมนตรีในฐานะตัวแทนชนชั้นนำในระบอบอำมาตยาธิปไตยที่เขาคิดว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว เช่นเดียวกับการตั้งนายกฯสุรยุทธ์ จุลานนท์ แต่จากภูมิหลังของครอบครัวที่จัดเป็นคนชั้นสูงในสังคม ฐานะทางชนชั้น การศึกษาชั้นดีเลิศของอังกฤษ การมีสภาวะแวดล้อมของกลุ่มอนุรักษ์นิยม สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เข้าใจสังคมไทยในมิติอื่น ยกเว้นมิติของกลุ่มคนในหมู่พวกและชนชั้นตนเท่านั้น
ตามที่นายอภิสิทธิ์อ้างถึงคนที่เชียร์ให้กำลังใจให้(ทน)อยู่ในฐานะนายกฯต่อไป และไม่พอใจถ้าไปเจรจากับคนเสื้อแดง หรือดูเหมือนอ่อนข้อเมื่อประกาศจะยุบสภาก่อนเวลาสิ้นสุดแท้จริง และอ้างว่าได้รับกำลังใจจากประชาชนจำนวนมากที่ส่งข้อความเข้าโทรศัพท์มือถือเป็นแรงใจให้มีความเข้มแข็ง ยืนหยัดต่อสู้เพื่อบ้านเมือง หรือที่นายอภิสิทธิ์ระบุว่าท้อไม่ได้ และไม่มีสิทธิ์ถอย เพราะถ้าทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าทรยศต่อความไว้วางใจของประชาชน
นางธิดา ระบุว่า ปัญหาของนายอภิสิทธิ์ก็คือการอยู่ในสภาวะแวดล้อมในแวดวงของประชาชนกลุ่มที่จำกัดแวดวงบริเวณยอดของรูปปิรามิดแห่งสังคมไทย ไม่ได้สัมผัสกับประชาชนแห่งฐานปิรามิดที่เป็นรากหญ้า รากฐานของสังคม ในอดีตแม้จะเป็นนักการเมืองที่ลงหาเสียงในกรุงเทพฯ แต่ก็เป็นการหาเสียงกับคนเมืองเฉพาะส่วนเท่านั้น ทั้งเป็นเวลาที่อ่อนวัยและไม่มีความรับผิดชอบใดๆ การสัมผัสประชาชนจึงเป็นคนละบรรยากาศกับในปัจจุบันที่เป็นนายกรัฐมนตรีท่ามกลางกลุ่มคาวเลือด ศพ ของประชาชนมือเปล่าที่ถูกฆ่า และเสียงตะโกนจากคุกที่คุมขังประชาชน โดยตั้งข้อหารุนแรงแต่ปราศจากหลักฐานใดๆ
เมื่อต้องลงสู่ท้องถนนเพราะต้องออกหาเสียงช่วยลูกพรรคทั่วราชอาณาจักร ได้สัมผัสกับประชาชนทั่วไปในสถานการณ์ใหม่หลังการปราบปรามประชาชนอย่างรุนแรง จึงต้องเผชิญความจริงที่ว่ามีประชาชนเคืองแค้น ถามหาความรับผิดชอบในเหตุการณ์ปราบปรามเข่นฆ่าประชาชนในปีที่ผ่านมา หรือมีแววตาแสดงออกถึงความเกลียดชัง มีการถือป้าย "ดีแต่พูด" แสดงออกเช่นนี้อยู่ทั่วไป
แม้แกนนำ นปช.ได้ขอร้องมวลชนคนเสื้อแดงว่าไม่ควรขัดขวางการหาเสียง แต่ทุกคนก็มีสิทธิอันชอบธรรมในการทวงถามความยุติธรรมและความรับผิดชอบ ด้านหนึ่งก็คงจะกระทบกระเทือนจิตใจของนายอภิสิทธิ์พอสมควรจึงเขียนในเฟซบุ๊ค อีกด้านหนึ่งก็แสดงการเคืองแค้นอย่างรุนแรงที่ต้องการโต้เถียงประชาชนไม่ลดละ
ยุทธศาสาตร์การหาเสียงด้วยการเสนอนโยบายที่ลอกจากพรรคอื่นๆ ก็เปลี่ยนมาเป็นการโจมตีคนเสื้อแดง และรุกไล่โจมตีผู้สมัครหมายเลข 1 เพื่อไทยในข้อหาเชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ คล้ายกับตอนจัดการกับรัฐบาลของพรรคพลังประชาชน คือผู้เป็นรองรุกไล่โจมตีผู้มีพลังมากกว่า นี่แสดงถึงความวิตกจริตอย่างหนักของพรรคประชาธิปัตย์ วาทกรรม "เผาบ้านเผาเมือง" จึงถูกนำมาใช้เป็นหลักในการกล่าวอ้างว่าคนเสื้อแดงที่เป็นผู้สมัครในพรรคคู่แข่งคือผู้เผาบ้านเผาเมือง หลังจากวาทกรรมล้มเจ้าที่นำมากล่าวหาคนเสื้อแดงถูกเยาะเย้ยด้วยผังล้มเจ้าเหลวไหลที่เอามาอ้างเป็นเหตุให้จัดเป็นคดีพิเศษจัดการกับคนส่วนต่างๆ และแกนนำคนเสื้อแดง
การแสดงออกของจดหมายจากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั่งประเทศที่เขียนออกมาจนถึงปัจจุบัน(21 มิ.ย.54) จำนวน 5 ฉบับแล้วนั้น ล้วนแสดงออกถึงการพยายามแก้ตัวในสถานการณ์ต่างๆ กัน ในฉบับแรก การเมืองสลับขั้วสู่เส้นทางนายกรัฐมนตรีเป็นการแก้ตัวเรื่องที่มาของรัฐบาลที่จัดตั้งในค่ายทหาร ตอนที่ 2 กฏเหล็ก 9 ข้อสู่บรรทัดฐานใหม่ทางการเมืองก็บรรยายในลักษณะอวดตัวและเหยียบย่ำพรรคร่วม แนวทาง 9 ข้อก็อ้างพระบรมราโชวาทนำมาใช้อวดตัวด้านความซื่อสัตย์สุจริตและความล้ำเลิศอื่นๆ ฉบับที่ 3 ก็แก้ตัวในเหตุการณ์ 10 เมษายน 2553 และฉบับที่ 4 แก้ตัวเรื่อง 91 ศพ สังเวยความต้องการใคร
ทั้ง 4 ฉบับลักษณะร่วมกันคือ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น การเลือกพูดเอาเหตุผลที่เข้าข้างตน โจมตีคนอื่นด้วยวาทกรรมที่มาจากข้อมูลที่ไม่ใช่เรื่องจริง การแก้ตัว ปฏิเสธความรับผิดชอบ และกล่าวโทษผู้เป็นคู่ต่อสู้ทางการเมือง โดยอาศัยการพูดที่ไม่คำนึงถึงหลักฐานข้อเท็จจริงทั้งปวงที่จริงเป็นการทำลายคุณอภิสิทธิ์ ทำลายพรรคประชาธิปัตย์เอง เพราะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา หลักฐานข้อมูลที่ชัดเจนได้ปรากฏในสังคม ประชาชนรับรู้ และพิพากษาไปแล้ว
"นี่ก็จะไปจัดปราศรัยใหญ่ที่สี่แยกราชประสงค์ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้ ก็ทำไมไม่จัดในวันที่ 19 มิ.ย.ไปเสียเลย จะได้เป็นการจัดงานรำลึกฉลองการปราบปรามประชาชนครบรอบ 1 ปี 1 เดือน ถือเป็นการกล่าวกับวิญญาญวีรชนว่า เห็นไหม พวกแกตายฟรีๆ พวกข้ายังอยู่ดีเป็นนายกรัฐมนตรีจนถึงบัดนี้" นางธิดา ระบุ