นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวว่า วันนี้ เวลา 15.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วยกลุ่มพันธมิตรฯ จะยื่นหนังสือไปยังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อขอให้ กกต.พิจารณาดำเนินการยุบพรรคเพื่อไทย เนื่องจากอยู่ภายใต้การครอบงำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่ถูกศาลตัดสินลงโทษ
สำหรับกรณีการเคลื่อนไหวของภาคประชาชน กรณีที่มีข่าวว่าพันธมิตรฯ ตั้งเป้าจะให้คะแนนในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนน หรือโหวตโน ให้เสียงมากกว่าผู้สมัคร ส.ส.ใน 26 เขตนั้น นายปานเทพ กล่าวยืนยันว่า พันธมิตรฯ ไม่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะได้เสียงโหวตโน แต่จากการที่นายอนุรักษ์ สง่าอารีย์กุล เลขานุการแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาได้แสดงความเห็นนั้น ทำให้เราต้องการให้แค่ประชาชนได้รับทราบว่า การโหวตโนมีผลทางกฎหมาย และมีความหมายว่าถ้าประชาชนสามารถดำเนินการนำคะแนนโหวตโนชนะเหนือทุกพรรคการเมืองในเขตนั้นๆ การเลือกตั้งเขตนั้นเป็นโมฆะ
ทั้งนี้ ถ้าการโหวตโนชนะคำแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.มากถึง 26 เขตขึ้นไป ก็จะทำให้รัฐสภาเปิดประชุมไม่ได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 93 วรรค 7 และมาตรา 127 ที่ต้องเปิดประชุมสภาภายใน 30 วัน ซึ่งจะทำให้อำนาจต่อรองกลับมาอยู่ที่ภาคประชาชนใน 26 เขตขึ้นไปที่ต้องการปฏิรูปการเมือง หรือว่าการไม่ยอมรับการนิรโทษกรรม หรือให้รัฐบาลนั้นมีนโยบายชัดเจนเพื่อยุติความขัดแย้งทั้งปวง ไม่ว่าฝ่ายใดที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลต่อไปในอนาคต
โฆษกพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ได้คุยกับนายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายพันธมิตรฯ ว่าลำดับถัดไปคงไม่ใช่เสนอเรื่องการยุบพรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่เนื่องจากการหาเสียงช่วงหลังแทบทุกพรรคการเมืองนั้นมีการเสนอนโยบายในการลดแลกแจกแถม สัญญาว่าจะให้อามิสสินจ้างหรือผลประโยชน์อื่นใดให้กับผู้ที่จะลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองเหล่านั้น ซึ่งเป็นการกระทำที่เป็นการโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะที่เป็นการจูงใจด้วยผลตอบแทนเป็นการส่วนตัว
กรณีนี้เกิดขึ้นแทบทุกพรรคการเมือง ซึ่งต้องใช้งบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาล บางพรรคการเมืองนั้นเป็นไปไม่ได้เลยในทางปฏิบัติ จึงเห็นว่าลำดับถัดไปคงจะต้องมีการเพื่อขอให้ทาง กกต.พิจารณายุบพรรคการเมืองเหล่านี้ทั้งหมดด้วย เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในการจูงใจหาเสียง ซื้อเสียงผ่านนโยบายของพรรคการเมืองเหล่านั้น
ด้านนายประพันธ์ คูณมี โฆษกคณะกรรมการป้องกันราชอาณาจักรไทย กล่าวว่า กรณีพรรคการเมืองที่หาเสียงโดยสัญญาว่าจะให้ ทุกพรรคเข้าข่ายกระทำความผิดพระราชบัญญัติเลือกตั้งทั้งหมด ทั้งสัญญาว่าจะเพิ่มเงินเดือนให้ จะเพิ่มค่าแรงให้ จะแจกโฉนดที่ดิน จะให้สินเชื่อโดยปลอดภาษีสำหรับการทำมาหากิน ทุกพรรคโดยเฉพาะพรรคใหญ่สองพรรคเข้าข่ายเป็นการให้และสัญญาว่าจะให้ อันเป็นการหาเสียงโดยกระทำผิดพระราชบัญญัติการเลือกตั้งทั้งนั้น
ทั้งนี้ นอกจากจะต้องดำเนินการกับพรรคการเมืองเหล่านี้แล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกดำเนินการให้พิจารณาเรื่องการหาเสียงเลือกตั้ง ว่าเข้าข่ายเป็นการผิดพระราชบัญญัติเลือกตั้ง อันเข้าข่ายกำหนดให้ยุบพรรคเช่นกัน ซึ่งยินยันว่าจุดยืนของพี่น้องพันธมิตรฯ เอาผลประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง