นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวถึงการเปิดปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ที่แยกราชประสงค์ เมื่อคืนวานนี้ (23 มิ.ย.) ว่า เป็นการปราศรัยที่มีลักษณะในการโจมตีคนเสื้อแดงเป็นหลัก โดยมีการเปิดเผยข้อเท็จจริงหลายประการของเหตุการณ์สูญเสียชีวิตของประชาชน ถือเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากสำหรับประชาชนชาวไทย เพราะขณะที่รัฐบาลเปิดเผยความเลวร้ายของกลุ่มชายชุดดำหรือคนเสื้อแดง ทำให้เกิดคำถามจากประชาชนว่า เหตุใดรัฐบาลจึงมีมติคณะรัฐมนตรีให้ใช้กองทุนยุติธรรมไปสนับสนุนการประกันตัวปล่อยคนเสื้อแดงและผู้ต้องสงสัยที่เป็นผู้สังหาร พล.อ.ร่มเกล้า ธุวธรรม หากคิดว่าคนเสื้อแดงมีความเลวร้ายขนาดนั้น แล้วกลับมาข่มขู่ให้ประชาชนต้องหวาดกลัวว่าระวังคนเสื้อแดงจะกลับมา ทั้งๆที่ตัวเองเป็นผู้ปล่อยตัวออกมา
ส่วนที่รัฐบาลอ้างว่ามีชายชุดดำอยู่เบื้องหลังการสังหารประชาชนนั้น ก็ต้องขอถามรัฐบาลว่าเหตุใดจึงไม่จัดการกวาดล้างจับกุมให้แล้วเสร็จก่อนมีการยุบสภา แล้วก็มาข่มขู่ประชาชนในวันนี้อย่างไม่เป็นธรรม สิ่งที่รัฐบาลควรทำคือการให้กระบวนการยุติธรรมเดินหน้าจับกุมให้เสร็จ อย่างน้อยส่งตัวขึ้นสู่ศาลได้ หากปล่อยไว้เป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่า รัฐบาลชุดหน้ามีโอกาสครอบงำกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) บิดเบือนคดีไม่สามารถเอาผิดผู้ที่กระทำความผิดได้
"สิ่งที่มีการปราศรัยเมื่อคืนด้านหนึ่งต้องการดิสเครดิตคนเสื้อแดงและพรรคเพื่อไทย แต่อีกด้านหนึ่งก็เป็นการประจานความอ่อนแอของรัฐบาลเอง"นายปานเทพ กล่าว
โฆษกพันธมิตรฯ ยังได้กล่าวถึงกรณีการเสียชีวิตของ พล.อ.ร่มเกล้าด้วยว่า คนที่เสียใจคือภรรยาของ พล.อ.ร่มเกล้า ที่ต้องไปร้องขอความเป็นะรรมกับกองทัพบกที่ไม่สามารถดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ และไม่สามารถให้ความเป็นธรรมต่อ พล.อ.ร่มเกล้า ในทางตรงข้ามก็ต้องมีความรู้วึกหวาดที่รัฐบาลปล่อยผู้ต้องสงสัยที่เคยให้การกับดีเอสไอว่าเกี่ยวข้องกับการบิงระเบิดเอ็ม 79 โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ พล.อ.ร่มเกล้าอยู่ เป็นเหตุผลที่หาคำตอบไม่ว่ารัฐบาลข่มขู่ประชาชนเช่นนี้ แต่กลับไปสนับสนุนการประกันคนเสื้อแดง
“คิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเจตนานำคนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือในการหาเสียง เพื่อข่มขู่ประชาชน เป็นเรื่องที่ประชาชนสมควรจะร้องไห้มากกว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่บอกว่าตัวเองได้ร้องไห้ในคืนวันที่ 10 เม.ย.53 เพราะประชาชนต้องร้องไห้ตลอดเวลาในวันนี้ที่ไม่มีหลักประกันในความปลอดภัย" นายปานเทพ กล่าว
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า ยังไม่รวมไปถึงกรณีการลอบทำร้ายนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ เมื่อปี 52 หรือการยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ที่ชุมนุมพันธมิตรฯเมื่อปี 51 ที่ไม่มีรัฐบาลหรือนักการเมืองคนไหนออกมารับผิดชอบในการจับกุมคนร้าย ปล่อยผ่านเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ประชาชนต่างหากที่สมควรจะร้องไห้ และร้องไห้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่แค่วันที่ 10 เม.ย.53 รัฐบาลต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ ไม่ใช่เอาแต่ได้ พูดให้ร้ายเสื้อแดงในมุมเดียว แต่ตัวเองกลับปล่อยปละละเลยให้เกิดการเผาบ้านเผาเมือง ปล่อยประกันตัวคนเสื้อแดง และกวาดล้างไม่เสร็จในขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมแล้วยุบสภาหนี
“ด้วยเหตุนี้ทำให้ภาคประชาชนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งแล้วกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนทั้ง 2 บัตรเลือกตั้ง หรือโหวตโนเพื่อหยุดระบอบทักษิณ โดยเฉพาะในระบบเขตที่หากได้ถึง 26 เขตจะทำให้เปิดประชุมสภาไม่ได้ หยุดยั้งระบอบทักษิณได้ หยุดการนำตัวผู้ก่อร้ายเข้ามาสู่ตำแหน่งทางการเมือง เป็นวิธีเดียวที่เหลืออยู่โดยที่ไม่ต้องใช้ความรุนแรงหรือการชุมนุมใดๆ" โฆษกพันธมิตรฯระบุ
สำหรับกรณีที่มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อการเลือกตั้ง หรือพีเน็ต เตรียมจัดเวทีสาธารณะให้ผู้แทนพันธมิตรฯเข้าร่วมให้ข้อมูลเกี่ยวกับการรณรงค์โหวตโน นายปานเทพ กล่าวว่า น่าเสียดายที่ทางพีเน็ตไม่ได้วางตัวเป็นกลางมาตั้งแต่ต้น โดยได้ไปสนับสนุนการแถลงข่าวเลือกใครแล้วไทยรอด ของกลุ่มเฟซบุ๊คกลุ่มหนึ่งที่จัดตั้งขึ้นมาโดยเครือข่ายของพีเน็ต ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อต่อต้านการรณรงค์โหวตโน จึงถือว่าวางตัวไม่เป็นกลาง แต่พอภาคประชาชนเคลื่อนไหวหนักขึ้น จึงพยายามหาเวทีโต้วาทีหรือดีเบตขึ้นมา ซึ่งขอยืนยันว่าภาคประชาชนยินดีที่จะโต้วาทีด้วยในพื้นฐาน 2 ประการ คือ 1.พีเน็ตต้องประกาศตัวให้ชัดเจนว่าเป็นกลางต่อเรื่องโหวตโนหรือไม่ และ 2.ต้องเป็นการโต้วาทีกับนักการเมืองที่อยู่ในระบบ ไม่ใช่กองเชียร์ เพราะถือว่าเสียงโหวตโนกับนักการเมืองในระบบต้องช่วงชิงคะแนนซึ่งกันและกัน
“เราไม่ต้องการโต้วาทีกับกองเชียร์ ซึ่งไม่มีความหมายไม่เกิดประโยชน์ หากจะจัดต้องจัดอย่างเป็นธรรม โดยจะพิจารณาส่งตัวแทนไปให้ โดยยินดีที่จะดีเบตทั้งกับนายอภิสิทธิ์ หรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมๆกันด้วย ถือว่าเป็นการวัดว่าประชาชนจะเลือกพรรคเพื่อไทย หรือประชาธิปัตย์ หรือมาลงคะแนนโหวตโน" นายปานเทพ ระบุ
นายปานเทพ ยังเปิดเผยด้วยว่า วันนี้ตั้งแต่เวลา 12.00 น.จะมีการเดินรณรงค์โหวตโนตั้งแยกอโศก ถ.สุขุมวิท ต่อเนื่องไปตาม ถ.รัชดาภิเษกจนถึงแยกลาดพร้าว และในช่วงเวลา 13.00 น. จะมีการจัดเสวนาเกี่ยวกัยการโหวตโน ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งจัดโดยกลุ่มกุหลาบเหลือง โดย พล.อ.กิตติ รัตนฉายา และได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิจากแขนงต่างๆเข้าร่วมเป็นวิทยากร อาทิ นายอาทิตย์ อุไรรัตน์ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ และ ศ.ดร.สมปอง สุจริตกุล เป็นต้น