นิตยสารไทม์สของสหรัฐอเมริกานำเสนอบทความเกี่ยวกับการเมืองไทย ระบุความสงบสุขจะยังไม่เกิดขึ้นไม่ว่าใครชนะการเลือกตั้งและได้จัดตั้งรัฐบาลก็ตาม พร้อมกับชี้ว่า การชุมนุมประท้วงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นว่า ชาวไทยทุกชนชั้นต้องการแสดงออกทางการเมืองมากขึ้น
บทความชื่อ "Land of the Lost" โดยนายแอนดรูว์ มาร์แชล ซึ่งเผยแพร่ในนิตยสารไทม์ส ฉบับวันที่ 4 กรกฎาคม 2554 วิจารณ์ว่า การเมืองของไทยบกพร่อง โดยยกกรณีของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตผู้บัญชาการทหารบกและอดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ที่ได้ก่อปฏิวัติโค่นอำนาจอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อห้าปีก่อน แต่กลับมาลงสมัครรับเลือกตั้งในวันที่ 3 กรกฎาคมนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ โดยการที่พล.อ.สนธิเปลี่ยนจากหัวหน้าคณะปฏิวัติมากอบกู้ประชาธิปไตยด้วยการลงเลือกตั้งนั้น แสดงให้เห็นว่ากลไกการเมืองของไทยผิดปกติอย่างไร
นายมาร์แชล ผู้เขียนบทความระบุว่า ชาวไทยหวังที่จะได้ใช้สิทธิอันชอบธรรมในการเลือกรัฐบาลเพื่อยุติสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองที่ดำเนินมานานหลายปี แต่ดูเหมือนว่าความสงบสุขจะไม่เกิดขึ้น โดยประเทศไทยซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ริเริ่มประชาธิปไตยในภูมิภาค ได้กลายมาเป็นประเทศที่ตกต่ำทางการเมือง
บทความชี้ด้วยว่า พรรคเพื่อไทยซึ่งดำเนินการโดยพ.ต.ท.ทักษิณจากคฤหาสน์ในดูไบ มีแนวโน้มว่าจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ ขณะที่คู่แข่งสำคัญของเพื่อไทยคือพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้เขียนระบุว่าได้รับการหนุนหลังโดยกองทัพจนได้ขึ้นเป็นรัฐบาลเมื่อสองปีก่อน
นอกจากนี้ ยังมีขั้วอำนาจที่สามนอกเหนือจากสองพรรคการเมืองใหญ่ นั่นก็คือกองทัพไทย ซึ่งได้ปฏิวัติหรือพยายามก่อปฏิวัติมาแล้ว 18 ครั้งนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2475 นายมาร์แชลแสดงความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีความพยายามก่อการปฏิวัติครั้งที่ 19 หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและกลับมาตามเอาคืนเหล่าแม่ทัพที่ขับไล่อดีตนายกฯทักษิณ โดยถึงแม้บรรดาผู้บัญชาการทหารของไทยได้เรียงแถวออกมาปฏิเสธข่าวการปฏิวัติที่ยังคงลือกันอย่างต่อเนื่อง แต่ชาวไทยก็ยังอดเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้ เพราะเมื่อปี 2549 พล.อ.สนธิก็เคยออกมาปฏิเสธว่าจะไม่มีการปฏิวัติอย่างแน่นอน ทั้งที่ในขณะนั้นเขากำลังวางแผนดังกล่าวอยู่ก็ตาม
บทความระบุต่อไปว่า ไม่ว่าจะมีการปฏิวัติหรือไม่ ประเทศไทยหลังการเลือกตั้งก็อาจจะยังไร้เสถียรภาพไม่ว่าใครจะชนะเลือกตั้ง เพราะหากเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล ก็อาจเป็นการจุดชนวนให้กลุ่มที่ต่อต้านทักษิณ อาทิ กลุ่มคนเสื้อเหลือง ออกมาชุมนุมประท้วง แต่ถ้าพรรคประชาธิปัตย์กลับมาเป็นรัฐบาลอีกก็อาจจุดปะทุให้กลุ่มคนเสื้อแดงก่อเหตุประท้วง
นายมาร์แชลกล่าวทิ้งท้ายว่า การชุมนุมประท้วงตามท้องถนนตลอดหลายปีที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่าชาวไทยจากทุกชนชั้นทางสังคมมีมุมมองทางการเมืองอันแรงกล้าที่จะแสดงออก การที่จะทำให้ทุกฝ่ายหันหน้ามาปรองดองกันได้นั้น จะต้องมีการเปิดกว้างและโต้แย้งกันได้มากขึ้น แต่ดูเหมือนว่าไทยกำลังเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม
ชาวไทยต้องการมีสิทธิมีเสียงในการแสดงความเห็นมากขึ้นและต้องการความโปร่งใสมากขึ้นในการบริหารประเทศ แต่เสถียรภาพที่ชาวไทยปรารถนายังคงห่างไกลอย่างเคย