นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช ว่าที่ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หนึ่งในแกนนำทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทย มั่นใจว่าแนวนโยบายของพรรคที่ได้นำเสนอต่อประชาชนในการหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งเน้นหนักไปที่การกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศจะมีส่วนช่วยในการกระจายรายได้ให้ประชาชนได้อย่างทั่วถึง และจะมีส่วนช่วยทำให้เศรษฐกิจในปี 55 ขยายตัวได้ถึง 6-7% ขณะที่หนี้สาธารณะจะลดลงและไม่กระทบต่อฐานะการเงินการคลังของประเทศ
"นโยบายของพรรคในเรื่องค่าแรงที่เพิ่มขึ้น หรือการลดภาษีนิติบุคคล จะมีส่วนช่วยในการกระจายรายได้ และจะส่งผลทำให้เศรษฐกิจจากเดิมที่โต 4% เป็น 6-7% ได้ เพราะจะทำให้ทุกคนมีโอกาส คนที่มีรายได้น้อยก็จะมีอำนาจจับจ่ายซื้อของมากขึ้น" นายสุชาติ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายสุชาติ อธิบายเพิ่มเติมว่า ประเทศไทยเคยเน้นเรื่องส่งออกเป็นหลัก แต่พรรคจะดำเนินนโยบายที่จะมีการกระตุ้นด้านอื่นนอกเหนือจากส่งออก เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับคนในประเทศ ซึ่งแนวทางดังกล่าวก็อยู่ในนโยบายที่ได้นำเสนอไว้ ทั้งการเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาท หรือการเพิ่มเงินเดือนเริ่มต้นให้ผู้จบปริญญาตรี 15,000 บาท
นอกจากนี้ ส่วนนโยบายเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันไดที่ทางพรรคกำหนดวงเงินตามช่วงอายุก็มั่นใจว่าจะสามารถดำเนินนโยบายได้ เพราะเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุปัจจุบันที่จ่าย 500 บาท/คน ใช้งบประมาณ 36,000 ล้านบาท ก็อาจจะเพิ่มเป็น 40,000 ล้านบาทเท่านั้น หรือแม้แต่โครงการแจกแท็บเล็ตที่วางไว้ว่าจะแจกให้เด็ก 8 แสนคน ราคาอยู่ที่ 5 พันบาท/เครื่องก็จะใช้เงินทั้งหมด 4,000 ล้านบาทเท่านั้น
นายสุชาติ ยังเปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย เรียกประชุมทีมเศรษฐกิจของพรรคเพื่อวางร่างนโยบายทางด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ
ส่วนกระแสข่าวว่าเป็นหนึ่งในแคนดิเดต รมว.คลัง คนใหม่นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเป็นผู้พิจารณา โดยส่วนตัวไม่ได้มีการสอบถามเรื่องนี้ แต่ก็พร้อมทำงานด้านเศรษฐกิจให้กับพรรคอยู่แล้ว