ศาลนัดสืบพยานโจทก์คดีแกนนำ-แนวร่วมเสื้อแดงก่อการร้ายครั้งแรก 1 มิ.ย.55

ข่าวการเมือง Monday July 11, 2011 15:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศาลอาญามีคำสั่งให้รวมสำนวนคดีที่มีแกนนำและแนวร่วมกลุ่ม นปช.เป็นผู้ต้องหาทั้งหมดเป็นคดีเดียวกัน โดยนัดสืบพยานโจทก์ครั้งแรกวันที่ 1 มิ.ย.55

โดยวันนี้ ศาลอาญาได้นัดตรวจหลักฐานในคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานกลุ่ม นปช.กับพวกซึ่งเป็นแกนนำและแนวร่วมกลุ่ม นปช.รวม 19 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย, ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง โดยผู้กระทำความผิดคนหนึ่งคนใดมีอาวุธ เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก และฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548

เนื่องจากช่วงระหว่างวันที่ 28 ก.พ.- 20 พ.ค.53 ต่อเนื่องกัน พวกจำเลยได้ยุยงปลุกปั่นประชาชนให้เข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่ม นปช.ต่อต้านรัฐบาล และบังคับขู่เข็ญนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นให้ประกาศยุบสภา

ทั้งนี้ อัยการโจทก์แถลงต่อศาลขอนำพยานเข้าสืบจำนวน 369 ปาก แต่ศาลเห็นว่า พยานบางปากซ้ำซ้อนกันจึงให้ตัดพยานโจทก์เหลือ 120-150 ปาก ใช้เวลาสืบพยาน 60 นัด ขณะที่ทนายจำเลยแถลงต่อศาลว่า จำเลยบางส่วนได้รับเลือกเป็น ส.ส.หากมีสมัยประชุมสภาฯ จะไม่สามารถเข้าร่วมการพิจารณาคดีได้ ศาลจึงมีคำสั่งให้สืบพยานโจทก์ก่อนในช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภาฯ โดยนัดสืบพยานโจทก์ปากแรกในวันที่ 1 มิ.ย.55 เวลา 09.00 น. พร้อมทั้งนัดพร้อมคู่ความทั้ง 2 ฝ่ายอีกครั้งก่อนสืบพยานโจทก์ในวันที่ 23 เม.ย.55 เวลา 09.00 น.

ทนายจำเลยยังแถลงต่อศาลขอรวมคดีก่อการร้ายจำเลยอื่นๆ ซึ่งเป็นแนวร่วม นปช.เข้ารวมในสำนวนคดีนี้ด้วย ศาลพิเคราะห์แล้วมีคำสั่งอนุญาตให้รวมคดีก่อการร้ายทั้งหมดเป็นคดีเดียวกัน ซึ่งจะมีจำเลยคดีก่อการร้ายทั้งหมดรวม 23 คน

นายคารม พลทะกลาง ทนายความกลุ่ม นปช. กล่าวว่า พยานหลักฐานของจำเลยทุกคนจะใช้ชุดเดียวกัน ยกเว้นนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธาน นปช.ที่จะใช้พยานหลักฐานที่มีความแตกต่างออกไป

ขณะที่นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความกลุ่ม นปช.อีกคน กล่าวว่า หลังผลการเลือกตั้งออกมาแล้ว ทีมทนายได้ทำหนังสือชี้แจงสาเหตุที่นายจตุพรไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ไปยังสำนักงานเขตวังทองหลาง และเมื่อวันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา สำนักงานเขตฯ ได้มีหนังสือชี้แจงกลับมาว่าได้พิจารณาเหตุที่นายจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิแล้วเห็นว่ามีเหตุสมควร ทำให้นายจตุพรไม่เสียสิทธิการเป็น ส.ส. และทันทีที่ กกต.ประกาศรับรองสถานภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร ทีมทนายก็จะนำหนังสือดังกล่าวประกอบคำร้องยื่นต่อศาล เพื่อขอให้พิจารณาปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพรต่อไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ