นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี หวังว่ารัฐบาลใหม่จะสามารถแถลงนโยบายต่อสภาได้ประมาณกลางเดือน ส.ค.หรืออย่างช้าที่สุดประมาณปลายเดือน ส.ค.54 หลังจากนั้นคาดว่าจะมีการปรับปรุงงบประมาณปี 55 ภายใน 3-4 เดือน ซึ่งในระหว่างนั้นก็คงจะต้องใช้งบประมาณปี 54 โดยอนุโลม ขณะที่สำนักงบประมาณยังต้องการเดินหน้าปรับงบฯ เข้าสู่คสมดุลภายใน 3-4 ปีข้างหน้า
กรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมที่จะรื้องบประมาณรายจ่ายประจำปี 55 ว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพื่อให้สะท้อนนโยบายของรัฐบาลใหม่ ส่วนที่คาดการณ์กันว่าอาจปรับเพิ่มการขาดดุลงบประมาณอีก 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ส่งผลกระทบต่อหนี้สาธารณะและฐานะการเงินการคลังนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนตัวยังไม่ชัดเจนเรื่องตัวเลข เพราะการจัดเก็บรายได้นั้นขณะนี้เกินเป้าอยู่ประมาณแสนถึง 7 หมื่นล้านบาท
เพราะฉะนั้นการประเมินว่าจะมีงบประมาณรายจ่ายหรือขาดดุลเท่าไรก็ต้องมาประเมินอีกครั้ง รวมถึงจะไปเกี่ยวข้องกับนโยบายลดภาษีว่าจะมีการดำเนินการหรือไม่ ทั้งภาษีเงินได้นิติบุคคลและสรรพสามิตภาษีน้ำมัน ขณะที่ภาพรวมจะส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินการคลังหรือไม่กับนโยบายที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับจะต้องใช้เงินงบประมาณตอบสนองนโยบายด้านต่าง ๆ จำนวนเท่าใด ซึ่งรายการใหญ่คือนโยบายเงินเดือนผู้จบการศึกษาปริญญาตรี 15,000 บาท ซึ่งจะต้องมีรายละเอียดว่าจะปรับบัญชีในลักษณะไหนอย่างไร
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวหลังจากประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงว่า ได้กล่าวขอบคุณข้าราชการทุกคนที่ได้ช่วยขับเคลื่อนงานต่าง ๆ ทั้งงานที่เกี่ยวกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าและนโยบายสำคัญให้สามารถเดินหน้าไปได้ รวมถึงได้มีการซักซ้อมในช่วงเปลี่ยนผ่าน โดยหากมีอะไรที่มีความจำเป็นเร่งด่วนก็ยังทำงานได้ตามปกติ
ทั้งนี้ เชื่อว่าข้าราชการประจำทุกคนคงจะตระหนักในการปฏิบัติหน้าที่ที่จะยึดผลประโยชน์ของประเทศอยู่แล้ว แต่ก็ได้ฝากว่าเป็นหน้าที่ของฝ่ายประจำที่จะต้องให้ข้อมูลต่าง ๆ ให้ครบถ้วนกับฝ่ายนโยบาย ซึ่งเมื่อมีนโยบายเข้ามาควรจะส่งผลกระทบการประเมินต่าง ๆ ให้ครบถ้วนเพื่อที่จะให้งานทุกอย่างเดินหน้าต่อไป