นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการเตรียมการรับรอง ส.ส.ลอต 2 ของ กกต.ที่มีการแขวนไว้ก่อนในวันที่ 19 ก.ค.นี้ว่า โดยเฉพาะ กกต.ที่จะรับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องระมัดระวังจะต้องทบทวนการรับรองหรือไม่รับรองให้ดี เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักณ์ จะต้องไปเป็นนายกรัฐมนตรี ถ้าเกิดกรณีหลุดจากตำแหน่ง ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ กกต.จะรับผิดชอบได้หรือไม่ และเมื่อถึงวันที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจจะพ้นจากตำแหน่ง กกต.ยังมีสถานะเป็น กกต.อยู่อีกหรือไม่ การรับรอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีผลต่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ถ้าถูกถอดภายหลัง แล้วผูกพันข้อกฎหมาย ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ
นายเทพไทกล่าวต่อว่า กกต.ที่ผ่านมา เคยได้รับบทเรียนในการรับรองนายยงยุทธ ติยะไพรัช เป็น ส.ส. และยังไปนั่งในตำแหน่งประธานสภาฯ หลายกรณีสุดท้ายนายยงยุทธ พ้นจากตำแหน่ง เพราะทุจริตใครรับผิดชอบ ไม่มีเลย ประวัติศาสตร์เช่นนี้ต้องไม่ซ้ำรอย
โดยเฉพาะกรณีนายกรัฐมนตรี มีภาระหน้าที่กว้างขวางมากกว่าประธานสภาฯหลายเท่า เมื่อมีที่มาของนายกรัฐมนตรีเป็นโมฆะ ส.ส.เป็นโมฆะ จะมีผลต่อที่มาหรือไม่ ดังนั้น กกต.ต้องมีความรอบคอบอย่างมาก กกต.ควรเข้มงวดกับผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญของบ้านเมือง เช่นนายกรัฐมนตรี ประธานสภาฯ หรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
"โดยเฉพาะกลุ่มแกนนำ นปช.กกต.ต้องสอบคุณสมบัติให้ชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องรับรอง เพื่อรักษาหน้าตัวเอง ที่มีมติรับรองตอนสมัครไปแล้ว แต่เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงภายหลัง ก็ควรมีมติถอดถอนสิทธิผู้สมัคร เรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญเกี่ยวข้องกับ กกต.เอง ถ้า กกต.รับรองโดยคุณสมบัติไม่ครบ กกต.จะต้องรับผิดชอบตามมาตรา 157 และ กก.บริหารพรรคเพื่อไทย ก็ต้องรับผิดชอบ เพราะอนุมัติบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติเลือกตั้งมีโทษถึงยุบพรรค ดังนั้น กกต.อย่าเลี่ยงบาลี เพราะตกเป็นจำเลยสังคม และต้องรับผิดชอบตามกฎหมาย ถึงแม้ก่อนหน้า กกต.จะเคยรับรอง นายก่อแก้ว พิกุลทอง ลงเลือกตั้งซ่อม เขต 6 บึงกุ่มที่ผ่านมา เพราะขณะนั้นนายก่อแก้วตกเป็นผู้ถูกคุมขังในข้อหาก่อการร้าย หลังจากนั้นมีการร้องให้ กกต.วินิจฉัย โดยนายนิติธร ล้ำเหลือ แต่ปรากฏว่า กกต.ยังไม่วินิจฉัย เป็นเหตุให้พรรคเพื่อไทยไปแก้ไขข้อบังคับในเรื่องนี้ มีการร้องแต่ไม่มีการวินิจฉัย กกต.ต้องรับผิดชอบอีกเช่นเดียวกัน" นายเทพไทกล่าว