นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย(พีเน็ต) ชื่นชมการทำหน้าที่ตรวจสอบคุณสมบัติ ส.ส.ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในแง่การตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อ ส.ส.อย่างตรงไปตรงมา แต่ขอตำหนิในแง่ของการแจ้งยอดผู้มาใช้สิทธิที่ไม่ตรงกัน ระหว่างผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ระบบแบ่งเขต กับผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ที่มีความคลาดเคลื่อนอย่างมากกว่า 83,000 คน โดยเรียกร้องให้ กกต.ออกมาชี้แจงในประเด็นนี้ด้วย
"การทำหน้าที่ของ กกต. ได้ทำผลงานให้เกิดความน่าเชื่อถือ ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เราก็ขอมอบดอกไม้ให้ ขณะเดียวกันความไม่โปร่งใสไม่สามารถเสนอข้อมูลข้อเท็จจริง กกต.ก็ควรจะรับก้อนอิฐไปด้วย" นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย มองว่า กกต.ควรเร่งตรวจสอบคุณสมบัติของส.ส. เพราะหากไม่สามารถประกาศรายชื่อ ส.ส.ได้อย่างน้อย 95% ตามเกณฑ์ที่จะสามารถเปิดประชุมสภาฯ ได้ โดยอ้างเหตุผลว่าต้องรอการพิจารณาหลักฐานต่างๆ นั้น จะเท่ากับเป็นการสะท้อนประสิทธิภาพการทำงานของ กกต.เอง แต่หาก กกต.สามารถให้ใบเหลืองใบแดงและจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แม้จะไม่ทันเปิดประชุมสภาฯ ก็ถือว่าเป็นผลงานของ กกต.ที่ไม่ปล่อยให้คนทุจริตเข้าสู่สภาฯ
ส่วนกรณีที่จะมีการประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.ไปก่อน แล้วค่อยไปตามสอยทีหลังนั้น ถือว่าเป็นการใช้วิจารณญาณที่ผิดพลาดและสะท้อนให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพในการทำงานของ กกต. และยังแสดงถึงความไม่รับผิดชอบของ กกต.ด้วย เพราะการให้ใบแดงหลังการรับรองรายชื่อไปแล้วนั้น ถือว่าทำได้ยาก
นายสมชัย ยังกล่าวถึงมาตรฐานการทำงานของ กกต.ด้วยว่า พีเน็ตเรียกร้องให้ กกต.ชี้แจงถึงความผิดพลาดในการประกาศจำนวนผู้ที่มาใช้สิทธิเลือกตั้งใน 2 ระบบที่ไม่เท่ากัน ซึ่งมีความแตกต่างกันถึง 83,222 คน รวมถึงปัญหาการเลือกตั้งล่วงหน้าที่ขาดการประชาสัมพันธ์เท่าที่ควร จนทำให้ประชาชนเสียสิทธิไปเลือกตั้งอันเนื่องจากขาดการประชาสัมพันธ์
นอกจากนี้ จำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ กกต.เคยประกาศไว้แต่ละครั้งก็มีตัวเลขที่ไม่ชัดเจน โดยนับตั้งแต่วันที่ 19 พ.ค.-11 ก.ค.54 ยังมีจำนวนไม่เท่ากัน มีความแตกต่างกันมากสูงถึง 399,498 คน จึงอยากเรียกร้องให้ กกต.ตรวจสอบรายละเอียดตัวเลขดังกล่าว และควรมีคนกลางเข้ามาช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบด้วย