นายปานเทพ พัวพงศ์พันธ์ โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวว่า ไทยไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลก ที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ไทยและกัมพูชา ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาทรอบปราสาทพระวิหาร เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีประเทศใดปฏิบัติตาม
นอกจากนี้ มติดังกล่าวเป็นเหมือนการบังคับให้ไทยต้องถอนกำลังล้ำเข้ามาในดินแดนไทย เกินกว่าพื้นที่พิพาท 4.6 ตามรางกิโลเมตร ซึ่งเป็นการออกมาตรการที่ไม่เป็นธรรม เนื่องจากยังคงให้ชาวบ้านหรือชุมชนชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ในพื้นที่ต่อไปได้ โดยสิ่งที่รัฐบาลไทยควรดำเนินการอย่างเร่งด่วนในขณะนี้ คือ การประกาศไม่รับคำตัดสินของศาลโลก โดยไม่จำเป็นต้องถอนกำลังทหารและควรผลักดันทหารกัมพูชาออกนอกพื้นที่ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในเวลา 13.00 น. แกนนำคนสำคัญของกลุ่มพันธมิตรฯ อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายประพันธ์ คูณมี จะประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดท่าทีในการเดินหน้าต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และจะมีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในวันพรุ่งนี้(20 ก.ค.) ที่บ้านพระอาทิตย์ เวลา 11.30 น. โดยจะเป็นการออกแถลงการณ์ 4 ฉบับ ทั้งต่อประชาชน, ต่อกองทัพ, ต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่กำลังจะหมดวาระ และต่อรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะเข้ามาบริหารประเทศต่อ
ส่วนความความหวังกับการเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้ของรัฐบาลใหม่ จากที่จะหมดความรับผิดชอบของรัฐบาลชุดนี้นั้น นายปานเทพ เห็นว่า ถ้าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ไม่อยากจะถูกได้ชื่อว่าทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน ก็ควรจะต้องดำเนินการตาม 3 ข้อนี้ คือ ไม่ยอมรับอำนาจของศาลโลก, คงกำลังทหารไว้ตามเดิม และเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางการทูต และความสัมพันธ์กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
"ถ้าคุณยิ่งลักษณ์ฉลาดก็ต้องดำเนินการ 3 ข้อ คือ ประกาศไม่รับอำนาจศาลโลก คงกำลังทหารเอาไว้ ถ้าเป็นไปได้ก็ทวงคืนแผ่นดินไทยกลับคืนมาด้วย และต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงทางการทูต ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกับ UNHC ใหม่หมด ในฐานะที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำความเสียหายไว้ครบแล้ว ทั้งกับจีน, รัสเซีย, ฝรั่งเศสยืนข้างกัมพูชา อังกฤษและอเมริกายืนอยู่ข้างผลประโยชน์ทางพลังงานในอ่าวไทย ฉะนั้นถ้าคุณยิ่งลักษณ์ เข้ามาแล้วไม่อยากเป็นผู้ถูกตราหน้าว่าทำให้ไทยเสียดินแดน ก็ต้องแก้ปัญหา 3 ประการนี้" นายปานเทพ กล่าว