เอแบคโพลล์เผยสังคมไทยน่าห่วงเหตุคนส่วนใหญ่ยอมรับได้ที่มีรัฐบาลทุจริต

ข่าวการเมือง Wednesday July 20, 2011 10:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ(เอแบคโพลล์) เผยสังคมไทยน่าเป็นห่วงหลังผลสำรวจพบคนเมืองหลวงส่วนใหญ่ให้การยอมรับรัฐบาลที่มีพฤติกรรทุจริตคอรัปชั่นแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนกินดีอยู่ดี และตนเองได้รับประโยชน์ โดยมีสัดส่วนที่เป็นกลุ่มนักเรียนนักศึกษาสูงกว่าร้อยละ 70

"ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.5 คิดว่ายอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนกินดีอยู่ดี ตนเองได้รับประโยชน์ด้วย...ที่น่าเป็นห่วงมากขึ้นไปอีก เมื่อพบว่า กลุ่มนักเรียนนักศึกษามีสัดส่วนสูงที่สุดคือร้อยละ 72.3" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการเอแบคโพลล์ กล่าวว่า เมื่อนำวิธีการถาม "ระยะห่างทางสังคมต่อผู้ตอบแบบสอบถามด้านการแจ้งความเอาผิดต่อผู้ทุจริตคอรัปชั่น" มาใช้ในการสำรวจครั้งนี้แล้วพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.4 จะแจ้งความเอาผิดถ้าพบเห็นแกนนำชุมชนของตนทุจริตคอรัปชั่น รองลงมาคือ ร้อยละ 72.9 จะแจ้งความเอาผิดข้าราชการที่ทุจริตคอรัปชั่น, ร้อยละ 72.2 ระบุจะแจ้งความเอาผิดนักการเมืองที่ทุจริตคอรัปชั่น, ร้อยละ 71.7 จะแจ้งความเอาผิดรัฐมนตรีที่ทุจริตคอรัปชั่น และร้อยละ 70.8 จะแจ้งความเอาผิดคนที่พักอาศัยในบ้านเดียวกันที่ทุจริตคอรัปชั่น

อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 61.0 จะแจ้งความเอาผิดเพื่อนบ้านสนิทที่พักอยู่ใกล้บ้านของตนเองทุจริตคอรัปชั่น, ร้อยละ 51.0 จะแจ้งความเอาผิดญาติพี่น้องของตนเองที่อยู่ในบ้านเดียวกันที่ทุจริตคอรัปชั่น, ร้อยละ 43.0 จะแจ้งความเอาผิด พ่อ แม่ หรือ ลูกของตนเองที่ทุจริตคอรัปชั่น และเพียงร้อยละ 38.1 จะให้ดำเนินการเอาผิดตนเอง ถ้าตัวผู้ตอบแบบสอบถามเองเกิดทำพลาดไปทุจริตคอรัปชั่น

ผู้อำนวยการเอแบคโพลล์ กล่าวว่า เมื่อจำแนกกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามออกตามลักษณะเฉพาะตัว พบว่า ส่วนใหญ่ของทุกเพศ ทุกวัย ระดับรายได้ ทุกสาขาอาชีพ และการศึกษา ต่างก็ยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ประชาชนกินดีอยู่ดี ตนเองได้รับประโยชน์ด้วย

"คนยิ่งมีรายได้สูงกลับมีสัดส่วนของจำนวนผู้ยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วตนเองได้รับประโยชน์ด้วย โดยพบว่า ร้อยละ 64.0 ของผู้มีรายได้ไม่เกิน 5,000 บาทต่อเดือนยอมรับได้ ขณะที่ร้อยละ 71.0 ของผู้มีรายได้มากกว่า 20,000 บาทต่อเดือน ยอมรับได้ เช่นกัน" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

และเมื่อจำแนกระดับการศึกษาก็ยังพบว่า ส่วนใหญ่ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่ว่าจะสำเร็จการศึกษาระดับใดก็ยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วตนเองได้รับประโยชน์ด้วย โดยร้อยละ 66.7 ของผู้สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี และร้อยละ 58.4 ของผู้สำเร็จการศึกษาตั้งแต่ปริญญาตรีขึ้นไปยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วตนเองได้ผลประโยชน์ด้วย

ผู้อำนวยการเอแบคโพลล์ กล่าวว่า เมื่อวิเคราะห์แนวคิดของกลุ่มต่อต้านคอรัปชั่นในทุกกรณีคือกลุ่มที่ยอมรับไม่ได้ ถึงแม้รัฐบาลจะทำให้ประเทศชาติรุ่งเรือง ตนเองได้รับผลประโยชน์ด้วย แต่รัฐบาลทุจริตคอรัปชั่น เสนอความต้องการต่อรัฐบาลชุดใหม่เพื่อสร้างชาติให้โปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง โดยพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.5 ของกลุ่มต่อต้านคอรัปชั่นในทุกกรณี ระบุให้เพิ่มโทษ ยึดทรัพย์ นักการเมือง ข้าราชการ และของเครือญาติที่รู้เห็นเป็นใจทุจริตคอรัปชั่น รองลงมาคือร้อยละ 87.0 ระบุให้ลงโทษทั้งผู้ให้และผู้รับ, ร้อยละ 85.6 เสนอยกเลิกการอภัยโทษต่อนักการเมืองและข้าราชการที่ต้องโทษทุจริตคอรัปชั่น, ร้อยละ 84.2 ระบุไม่ต้องให้โอกาสนักการเมือง และข้าราชการที่ถูกตัดสินลงโทษกลับเข้ามามีอำนาจอีก, ร้อยละ 73.3 ให้ประกาศบัญชีการใช้จ่ายของหน่วยงานรัฐต่อสาธารณชนผ่านสื่อต่างๆ, ร้อยละ 67.5 ตั้งคณะกรรมการรับเรื่องราวร้องทุกข์อิสระภายนอก กระทรวงหรือหน่วยงานของรัฐ (ไม่ให้ตรวจสอบกันเองภายในเท่านั้น), ร้อยละ 62.7 ระบุต้องปลูกจิตสำนึก สร้างความตระหนักให้ประชาชนเห็นผลร้ายของการทุจริตคอรัปชั่น, ร้อยละ 61.8 เปิดเผยที่มาที่ไปของการใช้ เงินค่าปรับต่างๆ ให้สาธารณชนรับรู้รับทราบ และร้อยละ 45.3 ระบุอื่นๆ เช่น ให้สื่อมวลชน ภาคประชาชนร่วมตรวจสอบ มีระบบฐานข้อมูลปัญหาคอรัปชั่น เพิ่มงบประมาณปราบปรามคอรัปชั่น เป็นต้น

นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบด้วยว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 67.8 เห็นว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เหมาะสมที่จะเป็นประธานรณรงค์สร้างชาติโปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง อย่างจริงจังต่อเนื่อง ขณะที่ร้อยละ 32.2 ระบุว่าไม่เหมาะสม

ผู้อำนวยการเอแบคโพลล์ กล่าวว่า สังคมไทยน่าเป็นห่วงหลังพบสัญญาณเตือนภัยว่า คนไทยมีทัศนคติอันตรายมากอันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ และสะท้อนให้เห็นถึงความเห็นแก่ตัว หรือผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องต้องมาก่อนผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยมองแต่เฉพาะสิ่งที่ตนเองจะได้เฉพาะหน้าเท่านั้น เพราะถ้าพบเห็นคนอื่นทุจริตคอรัปชั่นก็จะเอาเรื่องเอาผิดถึงขั้นแจ้งความร้องเรียนดำเนินคดี แต่กับคนใกล้ชิดที่สนิทสนมด้วยก็จะปล่อยปะละเลยมองข้ามไป และเห็นได้ชัดเจนว่า ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ อนาคตของสังคมไทยจะตกอยู่ในสภาวะวิกฤตได้โดยง่าย เมื่อกลุ่มเยาวชน นักเรียนนักศึกษาเองกลายเป็นกลุ่มที่มีจำนวนมากที่สุดที่ยอมรับได้ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วพวกเขาได้รับผลประโยชน์ด้วย โดยมีกลุ่มพ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการและแม้แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ก็ยอมรับเช่นนั้น นอกจากนี้ คนยิ่งรวยขึ้นยิ่งมีทัศนคติยอมรับได้ ถ้ารัฐบาลทุจริตคอรัปชั่นแล้วพวกเขาได้ผลประโยชน์ตามไปด้วย

"ข้อมูลชุดนี้คือโจทย์ใหญ่ที่ผู้คนในสังคมไทยต้องช่วยกันคิด กลุ่มต่อต้านคอรัปชั่นในทุกกรณีต้องช่วยกันหาคำตอบและทางแก้ไข" นายนพดล กล่าว

ทั้งนี้ เอแบคโพลล์ได้ทำผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่องความต้องการของประชาชนต่อรัฐบาลชุดใหม่ในการสร้างชาติโปร่งใส สร้างไทยซื่อตรง กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน 2,559 ตัวอย่าง ช่วงระหว่างวันที่ 13-19 ก.ค.ที่ผ่านมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ