พธม.ออกแถลงการณ์ถึงปชช.-ทหาร-รบ.เก่า-ใหม่ต้านคำสั่งศาลโลก ปกป้องดินแดน

ข่าวการเมือง Wednesday July 20, 2011 13:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนประชาธิปไตย อาทิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล, พล.ต.จำลอง ศรีเมือง, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายพิภพ ธงไชย อ่านแถลงการณ์จำนวน 4 ฉบับ โดยเป็นแถลงการณ์ต่อภาคประชาชน, ต่อกองทัพ, ต่อรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และต่อรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่จะเข้ามาเป็นรัฐบาลชุดใหม่

นายสนธิ ได้อ่านแถลงการณ์ เรื่อง "ภาคประชาชนได้ต่อสู้เรื่องอธิปไตยและดินแดนอย่างเต็มที่สุดความสามารถ" โดยเห็นว่าหลังจากที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก) ได้มีมติเมื่อวันที่ 18 ก.ค.54 ให้ออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวกำหนดเขตปลอดทหาร ห้ามไทยและกัมพูชาทำกิจกรรมทางทหารในพื้นที่ที่กำหนด และห้ามไทยขัดขวางการเข้าไปยังปราสาทพระวิหารของกัมพูชา ตลอดจนห้ามไทยขัดขวางการส่งกำลังบำรุงให้แก่บุคคลการที่ไม่ใช่ทหารนั้น

กลุ่มพันธมิตรฯ ถือว่ามีผลร้ายต่อประเทศไทยในการที่ทำให้ไทยต้องเสียเปรียบ และหากไทยยอมรับมาตรการคุ้มครองชั่วคราวก็จะเท่ากับว่าประเทศไทยเริ่มกลับไปยอมรับอำนาจศาลโลกเป็นครั้งแรก ทั้งๆที่ประเทศไทยได้เคยยื่นหนังสือประท้วง คัดค้าน สงวนสิทธิ์ ต่อเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ เพราะไม่ยอมรับการใช้กฎหมายปิดปากแต่เพียงอย่างเดียวในการตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ.2505 โดยที่ประเทศไทยไม่ได้ต่ออายุปฏิญญาการยอมรับการบังคับอำนาจของศาลโลกมานานกว่า 50 ปีแล้ว ดังนั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ได้เสนอทางออกไว้ 3 แนวทาง คือ ประกาศไม่รับอำนาจของศาลโลก ไม่ถอนทหารออกจากแผ่นดินไทยโดยเด็ดขาด และเร่งผลักดันกัมพูชาให้ออกจาแผ่นดินไทย รวมทั้งฟื้นฟูและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะกับประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างเร่งด่วน

จากนั้น พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ได้อ่านแถลงการณ์ เรื่อง "ทหารของจอมทัพไทยยังไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเองในการรักษาอธิปไตยของชาติ" โดยพันธมิตรฯ ได้แสดงจุดยืนต่อทหารโดยเห็นว่า การที่ทหารปล่อยปละละเลยให้กัมพูชาขนชุมชนเข้ามารุกรานยึดครองแผ่นดินไทย สร้างถนน สร้างวัด ปักธงชาติกัมพูชาในแผ่นดินไทยทั้งๆ ที่เป็นเขตอุทยานแห่งชาติ และเป็นเขตประกาศกฎอัยการศึก จึงย่อมถือเป็นอำนาจเต็มของกองทัพโดยตรงในการตัดสินใจในการักษาอธิปไตยของชาติ โดยที่ไม่สามารถจะกล่าวอ้างนโยบายของรัฐบาลได้

การที่ทหารซึ่งมีหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ แต่กลับไม่ทำหน้าที่ของตัวเองจึงย่อมถือเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และถือเป็นการกระทำที่ทำให้ราชอาณาจักรหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรตกอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ ทำให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป อันถือเป็นการกระทำต่อกฎหมายบ้านเมืองอย่างชัดเจน

กลุ่มพันธมิตรฯ ขอเรียกร้องให้ทหารให้ทำหน้าที่ของตัวเอง โดยการไม่ถอนทหารออกจากแผ่นดินไทยตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวของศาลโลก และทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ตามกฎหมาย และทำตามคำถวายสัตย์ปฏิญาณตน ในการทวงคืนแผ่นดินไทยที่ถูกต่างชาติรุกรานให้กลับคืนมา

จากนั้นนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรฯ ได้อ่านแถลงการณ์ เรื่อง "บทพิสูจน์ความล้มเหลวของรัฐบาลประชาธิปัตย์ในการใช้ MOU 2543" โดยเรียกร้องให้รัฐบาลรักษาการนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ตัวเองได้ก่อเอาไว้ให้เสร็จสิ้นก่อนรัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาดำเนินการ ดังต่อไปนี้

ประการแรก ประกาศไม่รับอำนาจศาลโลก ยืนยันว่า ไทยได้คัดค้าน ประท้วง และตั้งข้อสงวน ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ. 2505 เมื่อคดีนี้ถูกระบุในใบแจกข่าวของศาลโลกว่าเป็นคดีใหม่ ไทยจึงมีสิทธิ์ไม่ยอมรับ อีกทั้งประเทศไทยก็ไม่ได้ต่ออายุปฏิญญาการยอมรับการบังคับของอำนาจศาลโลกมานาน 50 ปีมาแล้ว

ประการที่สอง ไม่ถอนทหารออกจากแผ่นดินไทยโดยเด็ดขาด และเร่งผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย เพราะประเทศไทยในวันนี้ได้สูญเสียอธิปไตยบางส่วนให้กับกัมพูชาในทางพฤตินัยไปแล้ว

"หากรัฐบาลรักษาการนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เสร็จสิ้นก่อนหมดวาระ หากวันหนึ่งประเทศไทยต้องเสียดินแดนและอธิปไตยในทางนิตินัยโดยศาลโลกหรือคณะกรรมการมรดกโลก อันเป็นผลจากการไม่ดำเนินการตามข้อเรียกร้องข้างต้น เราจะบันทึกในประวัติศาสตร์ให้ลูกหลานได้จดจำว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดและรู้เห็นเป็นใจในขั้นตอนสำคัญของขบวนการขายชาติที่ทำให้ประเทศไทยเดินทางมาสู่เสียดินแดนด้วยเช่นกัน" นายสมเกียรติ กล่าว

จากนั้นนายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรฯ ได้อ่านแถลงการณ์ เรื่อง "ขอให้รัฐบาลชุดต่อไปปกป้องอธิปไตยของชาติ" โดยขอให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี แยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่มีการลงทุนเป็นหุ้นส่วนกับกัมพูชา และนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในเรื่องพลังงานในอ่าวไทย โดยขอให้ยึดถือเรื่องการรักษาอธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติไทยเหนือกว่าผลประโยชน์ของครอบครัวชินวัตรในกัมพูชา

พร้อมขอให้รัฐบาลชุดใหมดำเนินการดังนี้ 1.ประกาศไม่รับอำนาจศาลโลก โดยยืนยันว่า ไทยได้คัดค้าน ประท้วง และตั้งข้อสงวน ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินคดีปราสาทพระวิหาร พ.ศ.2505 เมื่อคดีนี้ถูกระบุในใบแจกข่าวของศาลโลกว่าเป็นคดีใหม่ ไทยจึงมีสิทธิ์ไม่ยอมรับ อีกทั้งประเทศไทยก็ไม่ได้ต่ออายุปฏิญญาการยอมรับการบังคับของอำนาจศาลโลกมานาน 50 ปีมาแล้ว

2.ไม่ถอนทหารออกจากแผ่นดินไทยโดยเด็ดขาด และเร่งผลักดันกัมพูชาออกจากแผ่นดินไทย 3.ฟื้นฟูและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะกับประเทศในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างเร่งด่วน 4.ไม่ต่ออายุหรือกลับเข้าไปเป็นภาคีอนุสัญญามรดกโลกอีก 5.ยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก พ.ศ.2543 (MOU 2543) และ 6. ช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งถูกทหารกัมพูชาจับในแผ่นดินไทยให้ออกจากเรือนจำกัมพูชาโดยเร็ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ