สมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.)เรียกร้องรัฐบาลใหม่ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำกำหนดนโยบายเร่งด่วน คือการปรับค่าจ้างขั้นต่ำราคาเดียวเท่ากันทั้งประเทศ 300 บาท แม้ว่าในปี 52 สรส.และคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.)ได้ทำแบบสำรวจค่าใช้จ่ายรายวันและรายเดือน โดยเฉลี่ยออกมาได้สูงขึ้นวันละ 421 บาทเท่ากันทั้งประเทศก็ตาม ซึ่งก็ได้รับเสียงคัดค้านจากคนกลุ่มเดิม เหตุผลเดิม ๆ
ดังนั้น การประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยในการปรับค่าจ้าง 300 บาทเท่ากันทั้งประเทศ แม้ว่าจะไม่ได้เป็นไปตามที่ สรส.และ คสรท. เสนอ คือ 421 บาท แต่ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่ควรสนับสนุนและต้องครอบคลุมลูกจ้างทุกคนไม่ว่าแรงงานไทยหรือแรงงานข้ามชาติ พรรคเพื่อไทยต้องแสดงความกล้าหาญปฏิบัติการในทันทีตามที่ประกาศไว้ เพราะมิฉะนั้นอาจจะเป็นปมประเด็นทางกฎหมายต่อไป
พร้อมกันนั้น นโยบายรัฐบาลใหม่จะต้องเร่งการปรับเงินเดือนให้แก่ผู้แรกเข้าทำงานในระดับปริญญาตรีในอัตรา 15,000 บาทต่อเดือน แต่ก็อย่าปรับแค่ปริญญาตรีเพียงอย่างเดียว ควรปรับทั้งระบบตามวุฒิการศึกษา ตั้งแต่ประถม มัธยม การศึกษาวิชาชีพ อนุปริญญา ปริญญาตรี โท เอก ทั้งแรกเข้าและทำงานอยู่ก่อน ทั้งราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชน รวมทั้งกลุ่มอาชีพต่าง ๆ รัฐบาลใหม่ควรสร้างหลักประกันให้ทุกคนอย่างไม่เลือกปฏิบัติ และการปรับค่าจ้างควรทำควบคู่กับการควบคุมราคาสินค้าด้วย
"พรรคเพื่อไทยไม่ควรลังเลใด ๆ ที่จะทำตามที่หาเสียงไว้ด้วยเหตุผล 2 ประการ กล่าวคือ ประการแรก เชื่อว่าก่อนที่จะมีการประกาศนโยบายหาเสียงออกไปพรรคเพื่อไทยคงได้มีการศึกษาวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้และความเป็นจริงแล้วจึงกล้าประกาศออกไป ประการที่ 2 พรรคเพื่อไทยมีทีมเศรษฐกิจที่เข้มแข็งและเชี่ยวชาญและผ่านการเป็นรัฐบาลมาแล้วถึง 2 สมัย จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่กล่าวอ้างแล้วปฏิเสธที่จะไม่ทำ สรส.ขอสนับสนุนและให้พรรคเพื่อไทยทำในทันทีตามที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน"สรส. ระบุ
ประเด็นที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งที่ สรส.ได้เคลื่อนไหวเรียกร้องมาตลอดระยะเวลา คือ การต่อต้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพราะบทเรียนจากการแปรรูปการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยเป็น บมจ. ปตท.(PTT)และรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่ง รวมทั้งการยุบเลิกองค์การรับส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์(ร.ส.พ.)ในช่วงปี 45-49 สมัยพรรคไทยรักไทยในขณะนั้นเป็นรัฐบาลได้สร้างความทุกข์ยากให้กับประชาชนอย่างมากจนนำไปสู่การเกิดช่องว่างและความเหลื่อมล้ำของผู้คนในสังคมอย่างมาก และจากคำให้สัมภาษณ์ของคนระดับแกนนำของพรรคเพื่อไทยบางคนจะเดินหน้าแปรรูปรัฐวิสาหกิจ สรส.มีความรู้สึกกังวลและหวังว่าพรรคเพื่อไทยคงไม่ทำในสิ่งผิดพลาดอีก