น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่ผู้ได้รับการคาดหมายเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 มั่นใจรัฐบาลจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่เคยประกาศต่อสาธารณชนไว้ในช่วงหาเสียงเลือกตั้ง โดยหลังจากที่มีการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.) เสร็จเรียบร้อยแล้วจะเริ่มเข้าไปดูว่ามีโครงการใดบ้างที่ดำเนินการค้างจากรัฐบาลก่อน ซึ่งหากเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจะดำเนินการต่อไป แต่หากเป็นโครงการที่มีค่าใช้จ่ายเกินความจำเป็นก็อาจต้องปรับรื้อใหม่ โดยขอยืนยันว่าไม่ใช่การปรับรื้อโครงการทั้งหมด แต่จะพิจารณาให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของประชาชน
"ไปดูสถานะ ณ วันนั้นจะดีกว่าว่าอะไรเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะเดินหน้าต่อ อะไรที่เป็นค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น ไม่ตรงกับการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะมีการหารือว่าจะปรับจูนกันอย่างไร คงไม่ถึงขั้นไปรื้อ เพราะทุกอย่างดำเนินการโดยมีการวางแผนไว้อยู่แล้ว" น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
เนื่องจากแนวนโยบายของพรรคเพื่อไทย(พท.) มีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับรัฐบาลเดิมที่มีพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เป็นแกนนำ ดังนั้นจึงมีการตั้งข้อสังเกตุว่าเมื่อ พท.เข้ามาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอาจมีการยกเลิกโครงการที่รัฐบาลเดิมทำไว้ เช่น รัฐบาลเดิมใช้โครงการรับประกันราคาข้าวเพื่อแก้ไขปัญหาราคาตกต่ำ ขณะที่ พท.มีแนวคิดที่จะรื้อฟื้นโครงการรับจำนำข้าวกลับมาใช้แทน
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า พท.มีวิธีการหารายได้ที่จะนำมาใช้ในการดำเนินโครงการต่างๆ ตามที่ได้หาเสียงไว้อย่างเพียงพอ โดยขณะนี้คณะทำงานแต่ละด้านกำลังปรึกษาหารือกันแล้วจะเสนอกลับมาให้พิจารณาในภาพรวม และจะมีการหารือกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องด้วย โดยหลักสำคัญในการดำเนินนโยบายของพรรคฯ ที่วางไว้จะเป็นการสร้างวงจรเศรษฐกิจเพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจให้มากที่สุด
ส่วนการคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามารับตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องเป็นบุคคลที่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ได้ โดยมีความเข้าใจเรื่องพื้นฐานทางการทูตเป็นอย่างดี และไม่ได้ปิดกั้นการคัดเลือกคนนอกเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าว
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอให้ผ่านกระบวนการต่างๆ ตามขั้นตอนให้เรียบร้อยก่อน สำหรับรายชื่อคณะรัฐมนตรี ตนและคณะกรรมการบริหารพรรคจะพิจรณาร่วมกันถึงคุณสมบัติ ความสามารถและงานที่จะมอบหมายให ซึ่งจะทำให้ดีที่สุดโดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก