นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบกรณีมีการร้องเรียนว่า รัฐบาลรักษาการจะทื้งทวนโครงการโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ภายใต้โครงการเครือข่ายการศึกษาแห่งชาติ (2554-2556) มูลค่า 3 พันล้านบาท ซึ่งจะเปิดให้มีการประกวดราคาด้วยวิธีทางอิเล็คทรอนิคส์
เนื่องจากรัฐบาลรักษาการกำลังหมดวาระ และวันนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ให้ข่าวว่าจะ รับรองส.ส.ครบ 95% และคาดว่าจะมีการเปิดสภาไม่เกิน 1-2 ส.ค.นี้ แต่รัฐบาลชุดนี้ยังปล่อยให้มีการดำเนินการ และกำหนดให้เสนอราคาในวันที่ 2 ส.ค. และที่ยิ่งกว่านั้นคือได้รับข้อร้องเรียนมาว่าจะมีการจัดซื้อจัดจ้างภายในวันที่ 3 ส.ค.
"นี่คือสิ่งที่ข้าราชการ ประชาชนไม่สบายใจ ความไม่ชอบมาพากลในการประกวดราคา และบางบริษัทรับทราบแล้วว่าจะทำสัญญาวันที่ 3 ส.ค.และมีการล็อคสเปคเคเบิ้ลออพติคในประเทศทำให้ราคาแพงกว่าราคาในตลาดโลกมากมาย ซึ่งรายละเอียดค่อนข้างมากและสำคัญมีการร้องว่ามีการฮั้วกัน ...พบว่ามีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง อักษรย่อ ช. เรื่องนี้อยากให้นายอภิสิทธิ์ ในฐานะฝ่ายบริหารได้ตรวจสอบว่าเป็นจริงตามที่มีการร้องเรียนหรือไม่ และควรชะลอโครงการไว้ก่อน จนกว่ารัฐบาลใหม่จะมาดำเนินการบริหารประเทศ และจะมีความสง่างามมากกว่า" โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว
ด้านนายไพโรจน์ อิสรเสรีพงษ์ สส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีการระบายข้าวในสต็อกกว่า 8.5 แสนตัน ของกระทรวงพาณิชย์มีการเร่งดำเนินการในตอนนี้ และยังเป็นการกระทำที่ไม่โปร่งใส โดยอ้างว่าข้าวในตลาดขาดแคลน ซึ่งในความเป็นจริงนั้นข้าวในตลาดขณะนี้มีปริมาณมากพอกับความต้องการอยู่แล้ว
ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้หยุดการดำเนินการในตอนนี้ เนื่องจากจะทำให้รัฐเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อพรรคเพื่อไทยได้เข้าไปบริหารประเทศในฐานะรัฐบาลก็จะทำการระบายข้าวอย่างโปร่งใส และจะมีการจำหน่ายข้าวเป็นสินค้าธงฟ้าให้กับประชาชนด้วย