กระทรวงการต่างประเทศออกแถลงการณ์แสดงความผิดหวังต่อท่าทีของรัฐบาลเยอรมนีกรณีสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทยออกเอกสารแถลงข่าวเมื่อวันที่ 22 ก.ค.ที่ผ่านมา เรียกร้องให้รัฐบาลไทยรีบดำเนินการชำระค่าเสียหายให้แก่บริษัท วาลเทอร์ เบา โดยมีข้อความพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอแถลงเป็นการย้ำอีกครั้งว่า กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัท วาลเทอร์ เบา เป็นกรณีพิพาทระหว่างรัฐกับผู้ลงทุนเอกชน ซึ่งสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบในนามของรัฐบาลไทย โดยกรณีพิพาทนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องแต่ประการใดกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร และทรัพย์สินส่วนพระองค์ พระองค์ทรงเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่คู่พิพาทในกรณีดังกล่าว และเช่นเดียวกันรัฐบาลเยอรมนีก็ไม่ใช่คู่กรณี
"ฝ่ายไทยได้แจ้งข้อเท็จจริงข้างต้นให้แก่รัฐบาลเยอรมนีแล้วในทุกระดับตั้งแต่ต้น ซึ่งรัฐบาลเยอรมนีก็น่าจะตระหนักดีถึงข้อเท็จจริงนี้ และด้วยเหตุนี้รัฐบาลไทยจึงรู้สึกผิดหวังต่อท่าทีและการดำเนินการของรัฐบาลเยอรมนี ดังเอกสารแถลงข่าวล่าสุดของสถานเอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย ยังคงพาดพิงถึงการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร โดยใช่เหตุและโดยมิบังควร"แถลงการณ์ฯ ระบุในเว็ปไซต์กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศขอย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะรักษาและดำรงไว้ซึ่งพระเกียรติยศของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร รวมทั้งกำลังดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้เรื่องเกี่ยวกับการอายัดเครื่องบินส่วนพระองค์ยุติลงอย่างรวดเร็วและเป็นธรรม
ทั้งนี้มีรายงานข่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เชิญอัยการสูงสุดมาพบเพื่อหารือถึงแนวทางการฟ้องกลับบริษัท วาลเทอร์ เบา