รายงานข่าวจากรัฐสภา แจ้งว่า การประชุมตัวแทนพรรคการเมืองเพื่อจัดสรรตำแหน่งกรรมาธิการ(กมธ.) สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 35 คณะ ซึ่งมีนายเจริญ จรรย์โกมล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง เป็นประธานประชุม ยังไม่สามารถหาข้อยุติได้
โดยตัวแทนทุกพรรคการเมืองได้มาประชุมกันอย่างพร้อมเพรียง ได้แก่ นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล ส.ส.แพร่ ตัวแทนพรรคเพื่อไทย, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายจุติ ไกรฤกษ์ ส.ส.พิษณุโลก ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์, นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ ส.ส.นครราชสีมา ตัวแทนพรรคภูมิใจไทย, นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง ตัวแทนพรรคชาติไทยพัฒนา, นพ.วรรณรัตน์ ชาญนุกูล ส.ส.นครราชสีมา ร.ต.ประพาส ลิมปะพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตัวแทนพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน, นายสันตศักย์ จรูญ งามพิเชษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตัวแทนพรรคพลังชล, นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตัวแทนพรรครักประเทศไทย, นายปาน พึ่งสุจริต ตัวแทนพรรคมาตุภูมิ, ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตัวแทนพรรครักษ์สันติ และนางพัชรินทร์ มั่นปาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตัวแทนพรรคประชาธิปไตยใหม่
ทั้งนี้ นายเจริญ ได้แจ้งต่อตัวแทนพรรคการเมืองว่า สัดส่วนของแต่ละพรรคการเมืองที่จะได้รับตำแหน่งประธานฯ โดยใช้สูตรจำนวน ส.ส.ของแต่ละพรรค คูณด้วยคณะกรรมาธิการจำนวน 35 คณะ แล้วหารด้วยจำนวน ส.ส.ทั้งหมด 500 คน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมี ส.ส.จำนวน 265 คน จะได้ตำแหน่งประธานฯ 19 คณะ, พรรคประชาธิปัตย์มี ส.ส.จำนวน 159 คน จะได้ตำแหน่งประธานฯ 11 คณะ, พรรคภูมิใจไทยมี ส.ส.จำนวน 34 คน จะได้ตำแหน่งประธานฯ 2 คณะ, พรรคชาติไทยพัฒนามี ส.ส.จำนวน 19 คน จะได้ตำแหน่งประธานฯ 1 คณะ, พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน มี ส.ส.จำนวน 7 คนจะได้ตำแหน่งประธานฯ 1 คณะ, พรรคพลังชลมี ส.ส.จำนวน 7 คนจะได้ตำแหน่งประธานฯ 1 คณะ ส่วนพรรคขนาดเล็ก 5 พรรค ได้แก่ พรรครักประเทศไทยมี ส.ส.จำนวน 4 คน พรรคมาตุภูมิมี ส.ส.จำนวน 2 คน พรรครักษ์สันติมี ส.ส.จำนวน 1 คน พรรคมหาชนมี ส.ส.จำนวน 1 คน และพรรคประชาธิปไตยใหม่มี ส.ส.จำนวน 1 คน จะไม่ได้ตำแหน่งประธานฯ
หลังประชุมกว่า 1 ชั่วโมงแล้ว ที่ประชุมฯ ยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการแบ่งจำนวนประธาน กมธ. โดยเสียงส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่าควรสงวนจำนวน กมธ.ทั้ง 35 คณะไว้เท่าเดิม โดยจะนำเสนอเป็นวาระด่วนเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 10 ส.ค.นี้ เวลา 10.00 น. เพื่อขอใช้ข้อบังคับการประชุม พ.ศ. 2551 เพราะเกรงว่าหากมีการยกร่างข้อบังคับใหม่จะทำให้ล่าช้า เพราะต้องใช้เวลา 6-7 เดือน รวมทั้งอาจจะมีการปรับลดคณะกรรมาธิการได้
รายงานข่าว แจ้งว่า ก่อนการประชุมตัวแทนพรรคการเมืองขนาดเล็กทั้ง 5 พรรค ได้หารือกันเพื่อที่จะรวมจำนวน ส.ส.ให้ได้ 7 คน เพื่อต่อรองขอตำแหน่งประธานฯ 1 คณะ เหมือนกับพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคพลังชลที่มี ส.ส.จำนวน 7 คน แต่เมื่อนำเสนอความเห็นดังกล่าวต่อที่ประชุมแล้วกลับถูกพรรคใหญ่โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยอ้างว่าไม่เห็นด้วย และควรยึดตามกรอบปฏิบัติที่ทำกันมา โดยเป็นไปตามสัดส่วนของพรรคการเมืองที่ผ่านการเลือกตั้งเข้ามา และควรไปหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อให้มีมติชัดเจน
ขณะเดียวกัน นายเจริญ ชี้แจงว่า หากมีการเกลี่ยกันใหม่ก็จะทำให้สัดส่วนพรรคชาติไทยพัฒนา และพรรคพลังชลหายไปพรรคละ 1 ตำแหน่ง จึงขอเสนอให้พรรคการเมืองขนาดเล็กสังกัดพรรคร่วมรัฐบาลควรจะไปเจรจาเพื่อขอตำแหน่งกับพรรคเพื่อไทย ขณะที่พรรคขนาดเล็กฝ่ายค้านก็ไปขอตำแหน่งกับพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าตกลงกันได้ก็จะสามารถตั้ง กมธ.ได้เร็วขึ้น โดยจะนัดประชุมครั้งต่อไปในวันที่ 15 ส.ค.นี้