นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ซึ่งกำลังจะพ้นจากตำแหน่งในเร็ว ๆ นี้ แสดงความหวังว่า กรมสรรพากรจะดำเนินการต่อในเรื่องการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองว่าหุ้นทั้งหมดที่เคยมีการอ้างว่าเป็นของนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ชินวัตรนั้น แท้จริงแล้วเป็นของ พ.ต.ท.ทักษิณ
ดังนั้น เมื่อไม่ได้เรียกเก็บภาษีจากนายพานทองแท้ และน.ส.พิณทองทา ก็ต้องไปเรียกเก็บจากผู้ที่เป็นเจ้าของตัวจริง ซึ่งศาลพิพากษาแล้วว่าคือ พ.ต.ท.ทักษิณ และเชื่อว่ามีอายุความถึง 10 ปี
"คิดว่าสรรพากรกำลังดำเนินการอยู่ และหวังว่าสรรพากรจะดำเนินการต่อไปเพื่อปกป้องประโยชน์ประเทศ ส่วนในเรื่องของประเด็นอายุความที่ตีความกันว่าอาจจะขาดหรือไม่นั้น ยืนยันว่าเรื่องของอายุความไม่เป็นประเด็น เข้าใจว่าภาระภาษีมีนับ 10 ปี" นายกรณ์ กล่าว
พร้อมระบุว่า การกรมสรรพากรจะอ้างว่าไม่ต้องเรียกเก็บภาษีจากใครด้วยการอ้างคำพิพากษาที่หมายถึงการซื้อขายในครั้งนั้นเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นนิติกรรมอำพราง เพราะผู้ซื้อผู้ขายเป็นคนเดียวกันนั้น นายกรณ์ กล่าวว่า ไม่คิดเช่นนั้น เพราะหากเป็นโมฆะจริง เหตุใด พ.ต.ท.ทักษิณ จึงนำหุ้นไปขายให้บริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้ง อีกชั้น
นอกจากนี้ การอ้างว่าการซื้อขายครั้งนี้กระทำผ่านตลาดหลักทรัพย์จึงไม่มีภาระภาษีที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นการสร้างความสับสน เพราะเป็นการซื้อขายระหว่างนิติบุคคล ดังนั้น จึงต้องรอดูกรมสรรพากรหาข้อสรุป แต่ก็ต้องให้ความยุติธรรมกับกรมสรรพากร เพราะเรื่องเกิดขึ้นมานานแล้ว
นายกรณ์ ยังกล่าวถึงผู้ที่คาดหมายว่าจะได้รับตำแหน่ง รมว.คลังคนใหม่ ซึ่งโผส่วนใหญ่ออกมาเป็นนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง คงไม่สามารถฝากความหวังไว้ได้ว่าจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติในการเรียกเก็บภาษีของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะพฤติกรรมในอดีตตั้งแต่ปี 49 ส่อให้เห็นชัดว่ามีการช่วยเหลือกัน