นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการอภิปรายในวันนี้ (24 ส.ค.)ว่า ยังมีผู้ที่จะอภิรายในหมวดการเมืองและสังคมที่ พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยมีผู้รอคิวอภิปรายอีกราว 35 คน หากฝ่ายรัฐบาลไม่ออกมาพูดในทุกเรื่องก็คิดว่าการอภิปรายจะสามารถอยู่ในกรอบที่วางไว้ เพราะฝ่ายค้านเพิ่งจะใช้เวลารวมในการอภิปรายไปเพียง 3 ชั่วโมงเท่านั้น ยังเหลือเวลาอีก 8 ชั่วโมง จึงขอเสนอแนะว่า ควรปล่อยให้สมาชิกฝ่ายค้านได้ใช้สิทธิอภิปราย และอย่าประท้วงโดยไม่จำเป็นทุกอย่างก็จะอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนดที่ตกลงกันไว้ แต่เมื่อวันที่ 23 ส.ค.ที่ผ่านมาได้ใช้เวลาไปเพียง3 ช.ม.กว่า ทำให้เหลือเวลาอีก 8-9 ช.ม. ดังนั้นหากรัฐบาลจะเข้ามาแทรกเพื่อขออภิปรายด้วยอีกนั้น ตนเกรงว่าจะล่วงเลยเวลาไปและอาจจะไม่จบในวันนี้
ส่วนภาพรวมของการอภิปรายนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาวันแรกว่า การทำหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้านในการติดตามตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลตรงตามเป้าหมายที่ได้วางไว้ เพราะคำตอบของรัฐบาลเองได้แสดงให้เห็นและเป็นการตอกย้ำว่าเป็นนโยบายแก้บน และเลี่ยงบาลีจริงๆ เพราะรัฐมนตรีหลายกระทรวงก็ได้อยมรับว่า นโยบายดังกล่าวเขียนไม่ตรงกับคำประกาศที่ได้ใช้ในการหาเสียงต่อประชาชน เช่น กรณีค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททำทันที ที่ไม่ได้ใช่เป็นค่าแรงขั้นต่ำแต่กลับใช้เป็นรายได้ หรือกรณีเงินเดือนของผู้ที่จบปริญญาตรี 15,000 บาทต่อเดือนก็ใช้คำว่ารายได้เช่นกัน ทุกอย่างตรงกับที่ถูกตั้งข้อสังเกตและมีการวิจารณ์มาก่อนหน้านี้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะมีการแก้ไข ซึ่งเรื่องนี้จะเป็นปัญหาที่จะทำให้เกิดแรงกระเพื่อมและสร้างความขัดแย้งในสังคมไทยเพิ่มขึ้นอีก และยังเป็นที่น่าเสียดายที่นายกรัฐมนตรีไม่ได้ใช้โอกาสนี้ในการแสดงวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำในการอภิปรายและชี้แจงตอบข้อสงสัยตามที่พรรคฝ่ายค้านอยากจะเห็น จะมีก็เพียงการออกมาตอบคำถามเพื่อแค่ประเด็นครึ่งประเด็นให้พอเห็นเป็นพิธีกรรมว่า ได้ตอบคำถามแล้วในช่วงเดียวซึ่งฝ่ายค้านอยากจะเห็นมากกว่านี้
นายจุรินทร์ กล่าวถึงการชี้แจงของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหลังการแถลงนโยบายในวันแรกว่า เสียดายที่ใช้โอกาสนี้น้อยไป ทั้งที่สังคมคาดหวังมากว่าท่านน่าจะใช้โอกาสตรงนี้แสดงวิสัยทัศน์และภาวะผู้นำ ที่ผ่านมาใช้โอกาสเพียงแค่พอเป็นพิธี